ครานี้เจียงเทียนโย่วถึงค่อยเชื่อว่าคนตรงหน้านี้คือบุตรสาวของเขาจริงๆ จึงบอกให้เจียงชิงหว่านลุกขึ้นแล้วมองดูใบหน้านางอย่างละเอียด เครื่องหน้าล้วนวิจิตรบรรจง ผิวพรรณก็ขาวสะอาด คางเรียวงาม เห็นแล้วชวนให้คนนึกเอ็นดู
เจียงชิงหว่านคนเก่าวิ่งเล่นอยู่ข้างนอกทุกวัน ผิวจึงตากแดดจนคล้ำ แต่ช่วงก่อนหน้านี้เร่งเดินทางมาตลอดทาง ล้วนอยู่แต่ภายในรถม้า ไม่ได้ตากแดด ผิวจึงค่อยๆ ขาวผ่องขึ้น
ก่อนหน้านี้ก็แยกกันอยู่ตลอดทั้งปี และเจียงเทียนโย่วก็เคยพบบุตรสาวคนนี้เพียงไม่กี่ครั้ง ทว่าไม่กี่ครั้งนั้นเขาก็มีภาพจำต่อนางไม่ดีทั้งสิ้น ยามนี้เจียงชิงหว่านยืนอยู่เบื้องหน้าเขา เจียงเทียนโย่วที่เป็นคนแข็งกระด้างถึงกับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรกับนางดี จึงทำเพียงพยักหน้า เอ่ยเรียกแล้วถือเป็นอันจบ “หว่านเจี่ย”
จากนั้นสายตาเขาก็มองเห็นเหยาซื่อที่ยืนอยู่ข้างเจียงชิงหว่าน พลันเกิดอาการชะงักอึ้งไปชั่วขณะ
ครั้งล่าสุดที่เขาได้พบเหยาซื่อคือเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นนางร่ำไห้ตัดพ้อต่อว่าเขาถึงเรื่องการตายของผิงเกอเหมือนเช่นทุกครั้ง ซ้ำยังมีเรื่องของเมิ่งอี๋เหนียงอีก เขารำคาญยิ่ง ไม่กี่ปีมานี้นึกถึงนางขึ้นมาทีไรก็รู้สึกว่านางเป็นหญิงร้างสามี หน้าตามีแต่แววโศกเศร้าเจ็บแค้นใจ
แต่ครั้นได้เห็นในยามนี้ เสื้อผ่าหน้าสีน้ำเงินแกมม่วง บนหน้าผัดแป้งแต้มชาดบางๆ ดูอ่อนหวานยิ่งนัก
เดิมทีนางก็เป็นคนที่อ่อนหวานงดงามผู้หนึ่งอยู่แล้ว มิเช่นนั้นเขาคงไม่ถูกตาต้องใจนางตั้งแต่แรกเห็นจนทำหน้าหนาไปหานางอยู่ตลอดหรอก…
ช่างชวนให้นึกถึงช่วงเวลางดงามยามสมัครสมานรักใคร่ของคนทั้งสองขึ้นมา อีกทั้งคิดว่าหลายปีที่ผ่านมาเป็นเหยาซื่อคอยดูแลแสดงความกตัญญูต่อมารดาแทนเขาจริงๆ ด้วยเหตุนี้ความรำคาญใจที่เคยมีต่อเหยาซื่อจึงคลายลงบ้าง สีหน้าของเจียงเทียนโย่วดูอ่อนโยนขึ้น เขาพยักหน้าก่อนว่า “หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว” เขาชะงักเล็กน้อยก่อนเอ่ยเรียกว่า “อาเหลียน”
เหยาซื่อมีนามตัวเดียวว่า ‘เหลียน’ เมื่อก่อนตอนที่เพิ่งแต่งงาน เจียงเทียนโย่วก็จะเรียกนางว่า ‘อาเหลียน’ มาตลอด ต่อมาคนทั้งสองทะเลาะเบาะแว้งกันหลายหนด้วยเรื่องของเมิ่งอี๋เหนียง เจียงเทียนโย่วก็ค่อยๆ รำคาญนางขึ้นมา และไม่เคยเรียกนางว่าอาเหลียนอีก
เหยาซื่อพลันแสบจมูก รู้สึกว่าแค่เขาพูดเพียงเท่านี้ ความลำบากมากมายเหล่านั้นก็ไม่นับเป็นกระไรแล้ว
ด้วยเกรงว่าผู้อื่นจะเห็นตนขอบตาแดง เหยาซื่อจึงรีบก้มหน้า ซ้ำยังทำท่าทางเหมือนหัวเราะก่อนกล่าวว่า “ข้าไม่ลำบากเลย เดิมทีการปรนนิบัติท่านแม่ก็ถือเป็นหน้าที่ของข้า เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
ต่างฝ่ายต่างคุยกันได้ไม่กี่ประโยค เจียงเทียนโย่วก็ประคองฮูหยินผู้เฒ่าเจียงขึ้นรถม้า แล้วสั่งให้สารถีบังคับรถม้าเข้าเมืองหลวง
เหยาซื่อไม่เคยมาเมืองหลวง ในใจนึกอยากรู้อยากเห็นอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงแง้มม่านหน้าต่างออกเล็กน้อย มองดูผู้คนที่สัญจรไปมาและทิวทัศน์ถนนหนทางด้านนอก