หลังจากถึงบ้านทั้งสองคนก็จัดการเก็บกวาดอย่างง่ายๆ กันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงล้มตัวลงพักผ่อนอย่างหมดสภาพพร้อมกันบนโซฟา
เฉินซินอวี่นิ่งเงียบ จิบน้ำไปหนึ่งอึก แล้วเอ่ยว่า “เดี๋ยวดึกๆ จะพาเธอไปกระตุ้นสักหน่อย”
“ไปไหนอะ”
“บาร์จ้า” เฉินซินอวี่เอ่ยต่อ “ร้านที่เปิดใหม่ มีความโดดเด่นมาก”
จี้ชิงอิ่งไม่ได้ปฏิเสธ
ตอนที่เธอไม่มีแรงบันดาลใจในการวาดภาพก็มักจะชอบดื่มเหล้า แอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นสมองได้ บางครั้งก็ทำให้เธอปิ๊งไอเดียเด็ดๆ ออกมา
“งั้นฉันไปอาบน้ำก่อน แล้วเดี๋ยวนอนสักหน่อย”
“ได้เลย”
จี้ชิงอิ่งก็ไม่ได้เกรงใจเพื่อนเช่นกัน รื้อชุดนอนออกมาแล้วเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะพักผ่อน ผ้าม่านในห้องพักถูกดึงจนปิดสนิท ไม่เหลือช่องว่างไว้แม้แต่นิดเดียว
จี้ชิงอิ่งสวมผ้าปิดตานอนอยู่บนเตียง ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่นภาพเหตุการณ์นั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากขึ้นรถไฟความเร็วสูงเธอก็สวมหูฟังลดเสียงรบกวนและผ้าปิดตาก่อนจะนอนหลับ
เริ่มแรกเธอไม่พบความผิดปกติอะไร จนกระทั่งเสียงที่ข้างหูดังขึ้นเรื่อยๆ จี้ชิงอิ่งถึงได้ตื่นขึ้นมา
เพิ่งจะถอดหูฟังโบกี้หมายเลขหนึ่งก็มีผู้โดยสารเจ็บป่วยขึ้นมากะทันหัน เสียงประกาศตามหาแพทย์ของโบกี้ก็ทะลวงเข้ามาในหู
ข้างๆ หูล้วนเป็นเสียงดังเซ็งแซ่ จี้ชิงอิ่งลืมตาขึ้นถึงได้พบว่าผู้โดยสารท่านนั้นอยู่ข้างหน้าทางซ้ายมือของเธอ
ผู้โดยสารที่นั่งติดกันและที่นั่งด้านหน้าล้วนเป็นสาวน้อย พบเจอสถานการณ์แบบนี้ก็กระวนกระวายกันจะแย่ ดวงตาล้วนแดงก่ำ
จี้ชิงอิ่งลุกขึ้น ขณะกำลังจะไปช่วยเสียงเยือกเย็นเสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลัง มันเย็นกว่าน้ำแร่จากขุนเขาในฤดูใบไม้ผลิเสียอีก
เขากล่าว ‘สวัสดีครับ ผมเป็นหมอ’
ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น อารมณ์ร้อนรนของผู้คนโดยรอบก็ถูกปลอบประโลม
เธอช้อนตาขึ้น มองผู้ชายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
เดิมทีภายในโบกี้ล้วนมีแต่ความวุ่นวาย ทว่าเมื่อเขามาบริเวณโดยรอบก็เปลี่ยนเป็นมีระเบียบเรียบร้อย
ชายคนนั้นหน้าตาหล่อเหลา เขาสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงสีดำ ไม่เห็นสีหน้าร้อนรนใดๆ บนใบหน้าเลยสักนิด
ผู้โดยสารที่มีอาการเจ็บป่วยขึ้นมากะทันหันหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ไม่รู้สึกตัวแล้ว
ชายคนนั้นตรวจเช็กอาการของผู้ป่วยทันทีและทำการรักษาฉุกเฉินด้วยการทำ CPR*
เขาดูจดจ่อและสุขุมเยือกเย็นขณะปั๊มหัวใจอย่างต่อเนื่อง ไลน์กล้ามเนื้อแขนที่เปิดเปลือยอยู่ในระยะสายตานั้นขึ้นเป็นมัดๆ ปรากฏวับๆ แวมๆ ดูทรงพลังเป็นพิเศษ
ช่วงเวลานั้นหัวใจของผู้คนโดยรอบก็สงบลงมาตามการเคลื่อนไหวขึ้นลงของเขา
ความเร็วของเขาสม่ำเสมอทั้งยังทรงพลัง ทำให้ผู้คนรู้สึกหวั่นไหวแตกต่างกันไปคนละแบบ
สองนาทีเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็ยาวนาน
ไม่ถึงชั่วอึดใจหนึ่งลมหายใจของผู้ป่วยก็มั่นคงขึ้นมาก เขาลืมตาขึ้น มองชายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ชายหนุ่มคนนั้นแววตาราบเรียบ กล่าวประโยคหนึ่งว่า ‘ไม่เป็นไรแล้วครับ’
รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงปรบมือ
สีหน้าท่าทางของเขายังคงเยือกเย็นอยู่เหมือนเดิม ไม่มีความเร่งร้อนและความกระวนกระวาย แต่ก็ทำให้ผู้คนจิตใจสงบ หลังจากเขากำชับผู้โดยสารสองสามประโยคแล้วก็หันกายจากไป