บทที่ 2
แสงไฟของบาร์เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างไม่อาจคาดเดา สว่างจ้าจนทำให้คนตาพร่า
ฟู่เหยียนจื้อนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของโซฟา บุคลิกที่เยือกเย็นกับบรรยากาศของบาร์ห่างกันไกลแสนไกล
บนเวทีเพลงเมามันเต้นกันเร่าร้อน เสียงเพลงร็อกแอนด์โรลทำให้คนปวดหัว
เขายื่นมือออกไปบีบคลึงสันคิ้ว มีความใจร้อนอยากจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ก่อน
หลินเฮ่าหรานมองท่าทางเช่นนี้ของเขาก็ถามอย่างไม่พอใจ “หมอฟู่ นายเป็นอะไรน่ะ” เขาหัวเราะเยาะ “มาร้านเหล้าทำให้นายเป็นทุกข์ขนาดนี้เชียว?”
ฟู่เหยียนจื้อชำเลืองมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลินเฮ่าหรานถูกเขามองจนรู้สึกใจฝ่อเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก เขายื่นมือไปลูบๆ ปลายจมูกพร้อมส่งเสียง “จิ๊” ออกมาทีหนึ่ง “ดีเลวอย่างไรก็เป็นวันเกิดฉัน ให้เกียรติกันบ้างไม่ได้หรือไง”
ฟู่เหยียนจื้อตอบ “อืม” ไปหนึ่งคำ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
วันนี้เป็นวันเกิดของหลินเฮ่าหราน ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาโหมทำงานจนเหนื่อยจะแย่แล้ว พอถึงวันเกิดก็อยากจะหาสถานที่ผ่อนคลายดีๆ
แต่ใครจะคิดว่าสุดท้ายเขาจะจองสถานที่น่าเบื่อๆ อย่างร้านเหล้า
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างฟังบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วก็ยิ้มออกมา “หมอหลิน นายไม่ต้องทำให้หมอฟู่ลำบากใจแล้ว”
หลินเฮ่าหรานเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ “ฉันทำให้เขาลำบากใจตรงไหน”
ได้ยินแบบนั้นเพื่อนร่วมงานก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “มาร้านเหล้าก็คือทำให้หมอฟู่ลำบากใจน่ะสิ! เทียบกับร้านเหล้า หมอฟู่จะต้องอยากอยู่บ้านอ่านหนังสือทางการแพทย์ทั้งคืนมากกว่า อีกอย่างเมื่อก่อนหมอฟู่ก็เคยบอกว่าเขาไม่ชอบดื่มเหล้า”
หลินเฮ่าหราน “…”
ฟู่เหยียนจื้อช้อนตาขึ้นและเอ่ยแก้ว่า “ผิดแล้ว”
ทั้งสองคนหันหน้าไปมองเขา
ฟู่เหยียนจื้อเอ่ยต่ออย่างราบเรียบ “ฉันเลือกนอน”
อาชีพของพวกเขาหากมีเวลานิดๆ หน่อยๆ ก็อยากจะช่วงชิงเวลาทุกวินาทีเพื่อพักผ่อน บำรุงจิตใจสะสมกำลัง ไหนเลยจะมาผลาญเวลาที่นี่ได้
ทุกคนไร้กำลังจะโต้แย้ง ได้แต่สบตากันโดยไร้คำพูด
หลินเฮ่าหรานกลับแตกต่างออกไป แต่ไหนแต่ไรมาเขาสนับสนุนให้ทำงานเมื่อควรทำ เล่นเมื่อควรเล่น ไม่อาจปล่อยช่วงเวลาที่ดีงามให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ได้
ขณะที่กำลังคิดเขาก็เอ่ยแขวะอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย “มิน่านายถึงไม่มีแฟน”
สาวน้อยคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างฟังคำพูดนี้ก็โต้แย้งว่า “หมอหลิน หมอฟู่ของพวกเราไม่หาต่างหาก ไม่ใช่หาไม่ได้สักหน่อย”
“ใช่ๆๆ โรงพยาบาลมีหมอกับพยาบาลผู้หญิงตั้งเท่าไหร่ที่แอบรักหมอฟู่ของพวกเรา!”
“หมอฟู่ ฉันแนะนำให้นายเอาไหม นายชอบน่ารักๆ หรือว่าสวยเซ็กซี่ล่ะ”
“…”
ทุกคนต่างแย่งกันถาม
หลินเฮ่าหรานมองคนที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาแล้วพูดตรงๆ ว่า “พวกนายเป็นอะไรกัน ทำไมแนะนำให้แต่หมอฟู่ ไม่แนะนำให้ฉันล่ะ” เขาแขวะฟู่เหยียนจื้ออย่างไร้ความปรานี “หมอฟู่ไม่มีความปรารถนาในด้านความรัก พวกนายก็ไม่ต้องทำให้เขาลำบากใจแล้ว”
ทุกคน “…ทำไมถึงไม่มี”
หลินเฮ่าหรานและฟู่เหยียนจื้อรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และหลินเฮ่าหรานก็ค่อนข้างจะรู้จักฟู่เหยียนจื้อดี
“ตั้งแต่วันที่ฉันรู้จักเขาก็ไม่เคยเห็นสายตาของเขาหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนไหนเกินสามวิเลย ยกเว้นคนไข้กับคนในครอบครัวน่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของทุกคนหลินเฮ่าหรานก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยสรุป “ดังนั้นน้องสาวทั้งหลายไม่ต้องคิดแล้ว หมอฟู่ของพวกเธอชีวิตนี้จะใช้ชีวิตอยู่กับหนังสือทางการแพทย์ รอเกษียณแล้วเขาก็จะไปเป็นพระที่วัด”
ทุกคน “เหอะ”
หลินเฮ่าหรานอึกอัก มองกลุ่มคนตรงหน้า “ถ้าไม่เชื่อฉันจะทดสอบให้พวกเธอดู”
“ทดสอบยังไงน่ะ”
หลินเฮ่าหรานครุ่นคิด “ก็หาคนที่สวยที่สุดในบาร์ออกมา พวกเธอดูว่าหมอฟู่ของพวกเราจะมองคนเขาเกินสามวิหรือเปล่า”
ทุกคน “…”
ระหว่างที่พูดอยู่หลินเฮ่าหรานก็ยังไม่ลืมที่จะหาคนที่สวยที่สุดในบาร์
ฟู่เหยียนจื้อไม่สนใจการทดสอบประเภทนี้เลยแม้แต่น้อย เขาลุกขึ้นยืนทันที ตั้งใจจะจากไป
เพิ่งจะยืนขึ้นมาจู่ๆ หลินเฮ่าหรานก็คว้าไหล่ของเขาไว้และร้อง “ว้าว!” อย่างเกินจริง “นายดูทางนั้นสิ”
ฟู่เหยียนจื้อไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้น หลุบตาลงมองมือของเพื่อนที่วางอยู่บนไหล่ของตัวเองและเอ่ยอย่างเย็นชา “ปล่อย”
หลินเฮ่าหรานไม่กลัวเขา สายตาหยุดอยู่ที่จี้ชิงอิ่งแล้วกล่าวต่อ “ไม่ได้ นายมองสักแป๊บสิ ให้ฉันทำการทดสอบนี้ให้เสร็จ ขอแค่นายมองแวบนึง ฉันก็จะอนุญาตให้นายออกไปก่อน”
ฟู่เหยียนจื้อถูกอีกฝ่ายทำให้หนวกหูจนรำคาญใจจึงมองไปอย่างเย็นชา
ฉับพลันนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งสองคนที่ถูกคั่นด้วยโต๊ะสองสามโต๊ะก็สบประสานสายตากัน
แสงไฟเปลี่ยนแปลงไปมาตกลงบนใบหน้าของจี้ชิงอิ่ง ทำให้ทุกคนมองเห็นใบหน้าที่สะสวยและละเอียดงดงามของเธอได้ชัดเจนขึ้นทีละภาพๆ ขยายใหญ่ขึ้นตามการแปรเปลี่ยนของแสงไฟ ดึงดูดให้ผู้คนจับจ้องขึ้นเรื่อยๆ
หลินเฮ่าหรานตะลึงไปครู่หนึ่ง แม้แต่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็อุทานด้วยความตกใจ สองสามวินาทีให้หลังทุกคนถึงได้สติกลับมา พวกเขาที่ถูกทำให้ตกตะลึงต่างลืมนับว่าฟู่เหยียนจื้อจ้องมองเกินสามวินาทีหรือเปล่า
รอเมื่อหลินเฮ่าหรานนึกขึ้นมาได้ ฟู่เหยียนจื้อก็ไปห้องน้ำแล้ว