เฉินซินอวี่เข้าใจเธอดีที่สุด รีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “เมื่อกี้พวกเราเพิ่งพูดคุยกัน คิดว่าคนเยอะก็สนุกครื้นเครงดีน่ะ” ขณะที่พูดเธอก็ชี้หลินเฮ่าหรานและเอ่ยต่อ “ถึงก่อนหน้านี้จะเป็นคนแปลกหน้ากัน แต่ตอนนี้รู้จักกันแล้ว ถูกต้องไหมคะ”
ทุกคนพยักหน้า “ใช่เลย! คนเยอะยิ่งสนุก มาร้านเหล้าก็เพื่อหาเพื่อนฝูง”
นี่เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว
อยู่ที่บาร์น่ะมองแล้วถูกใจก็สามารถพูดคุยดื่มเหล้าได้เป็นธรรมดา เป็นเพื่อนกันได้ เป็นเรื่องปกติมาก
แม้จี้ชิงอิ่งจะไม่รู้ว่าเฉินซินอวี่สนิทสนมกับหมอและพยาบาลเหล่านี้ได้อย่างไรในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้ แต่ก็ต้องยกนิ้วให้เพื่อนในใจ ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว
พอได้รับสายตาของจี้ชิงอิ่ง เฉินซินอวี่ก็กะพริบตามองมาทางเธอ
จี้ชิงอิ่งช้อนตามองไปทางผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ หลินเฮ่าหราน
รอบด้านสนุกครื้นเครง เขากลับนั่งเงียบเชียบอยู่คนเดียว
หลินเฮ่าหรานมองตามสายตาของเธอไปแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างรู้งาน “ลืมแนะนำไปเลยครับ นี่เพื่อนร่วมงานของผม หมอฟู่เหยียนจื้อ”
เฉินซินอวี่โค้งริมฝีปากยิ้ม กล่าวชมเชยว่า “ระดับความหน้าตาดีของหมอสมัยนี้สูงขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
ฟู่เหยียนจื้อช้อนตาขึ้นพลางเอ่ยเสียงเรียบ “สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ” เฉินซินอวี่ยิ้มแย้ม “นี่เพื่อนของฉัน”
ฟู่เหยียนจื้อชำเลืองตามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
ชุดกี่เพ้าสีโทนร้อน เลื่อมเล็กๆ บนกี่เพ้าทำให้ชุดตัวนี้ดูแล้วไม่ซ้ำซากจำเจขนาดนั้น
สายตาของเขาชะงักงัน หยุดอยู่บนกี่เพ้าสองสามวินาทีแล้วพยักหน้าน้อยๆ “ฟู่เหยียนจื้อครับ”
จี้ชิงอิ่งถือโอกาสนั่งข้างๆ เขา เป็นฝ่ายเริ่มกล่าวว่า “พวกเราเคยเจอกันค่ะ”
ได้ยินดังนั้นหลินเฮ่าหรานก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที
“พวกคุณเคยเจอกันเหรอ เมื่อไหร่ครับ”
จี้ชิงอิ่งก็ไม่ได้ปิดบังทุกคน เอ่ยตามตรงว่า “ตอนบ่ายค่ะ เขาช่วยคนบนรถไฟความเร็วสูง”
ได้ยินดังนั้นหลินเฮ่าหรานก็หัวเราะออกมา “นี่มันเป็นพรหมลิขิตที่มหัศจรรย์อะไรของพวกคุณกัน”
จี้ชิงอิ่งได้ยินคำพูดนี้ก็มีความสุขมาก เธอชอบคนที่รู้จักพูดอย่างหลินเฮ่าหราน
ได้ยินคำพูดนี้ของเธอสีหน้าของฟู่เหยียนจื้อก็ยังคงราบเรียบเหมือนเดิม ไม่ได้แสดงความประหลาดใจและไม่ได้แสดงความคุ้นเคยออกมาเช่นกัน
ในยามปกติจี้ชิงอิ่งพูดน้อย ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ควรพูดก็พูดได้เช่นกัน
ขณะกำลังคิดเธอก็เป็นฝ่ายหาหัวข้อสนทนาที่คิดว่าคนตรงหน้าจะสนใจ “คุณตามไปโรงพยาบาลด้วยใช่ไหมคะ”
“อืม”
“เขายังโอเคไหมคะ”
“อืม”
จี้ชิงอิ่ง “…”
เธอไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
เฉินซินอวี่ฟังบทสนทนาของทั้งสองคนอยู่ด้านข้าง ไว้อาลัยให้กับเพื่อนของตัวเองสามวินาที
ผู้ชายที่ต่อบทสนทนาไม่เป็นจีบยากเกินไปแล้วจริงๆ
ทั้งสองคนเงียบลง
จี้ชิงอิ่งหันหน้ามองไปทางอื่น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนตักสั่นขึ้นมาทีหนึ่ง เมื่อเธอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นข้อความที่เฉินซินอวี่ส่งมา
เฉินซินอวี่ : สู้ๆ นะสาว ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็มอมเหล้า พวกเราช่วยเธอเอง
จี้ชิงอิ่ง : …