“ถูกสาวใช้ทำให้โมโหจนอิ่มแล้ว ไหนเลยจะยังกินลง” น้ำเสียงเขาอ่อนลงเล็กน้อย มือลูบต้นขาไปมา
“นายน้อยโมโหเสวียนจีเรื่องอะไรกันแน่เจ้าคะ” เขาเห็นนางขัดหูขัดตาขนาดนี้จริงๆ หรือ ถึงจะบอกตนเองว่าเขาขัดหูขัดตาหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง แต่ในใจยังยากจะระงับความผิดหวังอยู่ดี
เห็นนางขัดตาตรงใด รูปโฉมนางหรือ ตั้งแต่นางเริ่มรู้ความล้วนไม่เคยรู้สึกผิดหวังหรืออับอายด้วยเรื่องที่ตนเองมีรูปโฉมไม่โดดเด่น ในยุคสมัยนี้ความงามเป็นดั่งเคราะห์ภัย เมื่อมีรูปโฉมงดงามก็แสดงว่าจะมีความยุ่งยากมาหาไม่จบไม่สิ้น ถึงขนาด…บ้านแตกสาแหรกขาดได้เลย นางดีใจยิ่งที่รูปโฉมของตนนั้นธรรมดา ทำให้นางทำเรื่องใดๆ ก็ไม่ดึงดูดสายตาใคร แต่ตอนนี้กลับชักจะเสียใจอยู่สักหน่อยแล้ว
“สีหน้าท่าทางเจ้าเหมือนบอกว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างโหดร้ายทารุณ” เขาเม้มปาก
นางก้มหน้ายืนตัวตรง ร่างที่แข็งทื่อดูเหมือนผีดิบในนิยายชาวบ้านอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้ามาใกล้ๆ หน่อย”
นางเดินไปสองสามก้าวตามคำสั่งของเขา
“ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ มาใกล้อีกหน่อย!” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ รอจนนางเดินเข้ามาใกล้เขาไม่เกินหนึ่งก้าวถึงได้บอกให้นางหยุด
ตัวนางยังคงมีกลิ่นกระดาษ แต่ดูคล้ายกลิ่นจะแรงขึ้นกว่าเดิม พอนางเข้ามาใกล้ก็ทำให้อารมณ์เขาสงบลงเล็กน้อยเหมือนขณะเช็ดหน้าในวันนั้น
เขาหลับตาลง ที่แท้วันนั้นมิใช่เขานึกหลอนไปเองจริงๆ รอบตัวนางมีกลิ่นอายที่ทำให้คนรู้สึกสบาย ที่แท้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับกลิ่นกระดาษอย่างนั้นหรือ แม้แต่สองขาของเขายามนี้ก็คล้ายว่าไม่เจ็บเท่าเมื่อครู่แล้ว
“พ่อบ้านหยวนเรียกเจ้าไปไหนมา…” เขาเพิ่งจะเอ่ยปากถาม บนขาก็พลันรู้สึกถึงสัมผัสแตะต้อง เขาลืมตาขึ้นทันที มองเห็นนางนั่งกึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น บีบนวดขาทั้งสองของเขาอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา
“นี่เจ้ากำลังทำอะไร” เขาพูดด้วยโทสะ ยื่นมือจะโบกออกไปกลับหยุดอยู่ตรงหน้าผากนาง นางไม่แม้แต่จะหลบ เป็นนางตอบสนองช้าเกินไป หรือเป็นเพราะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง “ตัวบัดซบสมควรตาย! ใครบอกให้เจ้าแตะต้องข้า!” เขาเก็บมือก่อนถามอย่างดุร้าย
หัวคิ้วนางกดลึก “ขาท่านเจ็บมิใช่หรือเจ้าคะ”
เขาได้บอกหรือว่าขาเขากำลังเจ็บ เนี่ยเฟิงอวิ๋นหรี่ตา กลั้นอารมณ์อยากผลักนางออกไปเอาไว้ นางตัวไม่เล็ก แต่มักให้ความรู้สึกบอบบางอ่อนแอแก่ผู้อื่น ถ้าถูกเขาผลักเข้า ใครจะไปรู้ว่าจะล้มหัวร้างข้างแตกหรือไม่
สาวใช้สมควรตาย
หน้าอกเขากระเพื่อมขึ้นลง กลับพบว่าโทสะมิได้ลุกโชนเช่นที่ผ่านมา พอนางเข้าใกล้ กลิ่นที่อวลอยู่รอบๆ ก็เหมือนเป็นน้ำเย็นแอ่งหนึ่งราดดับความเจ็บปวดและโทสะของเขา
“ข้าพูดตั้งแต่เมื่อไรว่าขาข้ากำลังเจ็บ”
“สีหน้าท่าทางของท่านบอกเช่นนั้นเจ้าค่ะ” นางบีบนวดขาทั้งสองของเขา แต่กิริยาอาการของนางดูไม่เต็มใจเอาเสียเลย ยอมให้ความสามารถในการสังเกตของตนย่ำแย่ดีกว่าจะมองออกถึงความเจ็บปวดที่เขาเผลอแสดงออกมา นั่นทำให้นาง…อยากช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เขาอย่างห้ามตนเองไม่ได้
นางถอนหายใจ จะโทษก็ต้องโทษที่ความชื่นชมเลื่อมใสต่อเขาในตอนแรกได้หยั่งลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจแล้ว อยากจะถอนทิ้งให้หมดมิใช่เรื่องที่ทำได้ในวันสองวัน…
“ข้าไม่ชอบให้ผู้ใดแตะต้องขาข้า”
“ข้าก็ไม่อยากแตะหรอก” นางพึมพำกับตนเอง มือยังคงนวดต่อไปอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
คำพูดนางขัดกับการกระทำ ฝีมือนางยังต้องพัฒนา แต่สีหน้านางกลับจริงจังและกลัดกลุ้มอยู่พอสมควร เขาโน้มตัวลงน้อยๆ พบว่าแม้แต่เส้นผมนางก็ยังมีกลิ่นกระดาษหอมอ่อนๆ
นับตั้งแต่เกิดเรื่อง นอกจากหยวนเจาเซิงที่นวดขาทั้งสองให้เขาทุกคืนแล้วก็ไม่เคยมีใครกล้าแตะต้องหรือเอ่ยถึงขาคู่นี้โดยมองไม่เห็นหัวเขามาก่อน ทว่าตอนนี้…สาวใช้ที่สมควรตายนางนี้ ดูเอาเถอะว่าแม้แต่เขาอยากจะด่าคนยังโมโหไม่ขึ้นเพราะนางอยู่ใกล้ๆ
“ตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง…” นางเงยหน้าขึ้นมาถาม คาดไม่ถึงชั่วขณะว่าเขาจะโน้มตัวลงมา จึงชนเข้ากับแก้มเขา
แก้มเขาสากร้อน…สวรรค์ สัมผัสกันเพียงชั่วพริบตาสั้นๆ แต่ริมฝีปากนางกลับอ่อนปวกเปียก ใบหน้าร้อนซู่ ต้องแดงเถือกแน่แล้ว นางหลุบตาลง ใจเต้นสะดุดไปหลายจังหวะ สายตาตกลงบนสองมือที่กำลังสั่นน้อยๆ พูดตามตรง นางตกใจ ตกใจอย่างมาก ไม่รู้สึกขยะแขยงหรือรู้สึกว่าถูกล่วงเกิน ก้นบึ้งหัวใจเพียงรู้สึกสั่นรัวและทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคย…