ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันได้สัมผัสคลุกคลีประจันหน้ากับบัณฑิตเย้ยโลก
ไม่เคยคิดเลยจริงๆ และก็ไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องคันฉ่องส่องบาปจะโด่งดังจนมีคนสวมรอย นางชอบอ่านหนังสือมาแต่ไหนแต่ไร นอกจากจับพู่กันขีดเขียนเรื่องราวเล่นเป็นบางครั้งบางคราวแล้วก็มิได้สนใจต่อผู้ประพันธ์หนังสือเสียเท่าไร สิ่งเดียวที่สนใจก็มีเพียงเนี่ยเฟิงอวิ๋น…
นางถอนหายใจ อยู่ข้างกายเขาทั้งอกสั่นขวัญแขวนทั้งแอบดีใจกับตนเอง แผนการเดิมของนางคือหมกตัวอยู่ในคฤหาสน์สกุลเนี่ยไม่ก้าวออกนอกประตูตลอดทั้งสามปี และก็เตรียมใจจะเป็นสาวใช้ขายแรงงานไว้ล่วงหน้าแล้ว คิดว่าหากโชคดีหน่อยไม่แน่อาจได้พบเนี่ยเฟิงอวิ๋น ทว่าบัดนี้ได้พบแล้วกลับบอกไม่ถูกว่าในใจยินดีหรือไม่ยินดี
“พี่เสวียนจี ท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่” เสียงร้องของหรูหมิ่นพลันเรียกสตินาง สองแขนที่ยื่นมาจากด้านหลังกอดเอวนางไว้ทันเวลา
นางตกใจจนสะดุ้ง ซวนเซเล็กน้อย ก่อนจะล้มลงบนกองหญ้าพร้อมกับคนข้างหลัง
“พี่เสวียนจี ท่านยังดีอยู่หรือไม่” หรูหมิ่นรีบร้อนถาม นางตัวเล็กกว่าเสวียนจี แรงกลับไม่รู้ว่ามากกว่าเสวียนจีถึงกี่เท่า
“ดี…ข้ายังดียิ่ง…” เสวียนจีรู้สึกมึนงงเล็กน้อย นางสะบัดศีรษะพลางฝืนลุกขึ้นยืน เมื่อลืมตาขึ้นก็มองเห็นดวงตาห่วงกังวลของหรูหมิ่น
“พี่เสวียนจี ไฉนท่านถึงสติเลอะเลือนอยู่เรื่อย ถ้ามิใช่ข้ากอดท่านไว้ทัน ท่านต้องได้ตกทะเลสาบไปเฝ้าพญายมแน่แล้ว”
“ข้า…” เสวียนจีแค่คิดอะไรจนเพลิน นางมีปัญหามากเกินไป คิดจนเพลินเกินไป บางครั้งแม้แต่ตนอยู่ที่ใดก็ยังลืม ทว่าขนาดนางมีนิสัยเช่นนี้กลับยังสามารถอยู่ที่คฤหาสน์สกุลเนี่ยมาได้ตั้งนานเพียงนี้โดยไม่ถูกไล่ออกไป นี่นับว่าโชคดีมากแล้วจริงๆ
“ท่านมาอยู่นี่ได้อย่างไร ข้าได้ยินหลินอันบอกว่าเมื่อวานท่านถูกนายน้อยสามด่าเสียยับเยิน…”
“ไม่มีอะไร เจ้าดูสิว่าตอนนี้ข้ามิใช่ดียิ่งหรือไร” นางแย้มยิ้ม
หรูหมิ่นมองนางอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้ายังคิดจะไปสวนซั่งกู่เพื่อขอร้องนายน้อยสาม หลินอันพูดพลางร้องไห้พลางจนทำให้ข้ากลัว กลัวว่า…ท่านจะถูกนายน้อยสามตี พี่เสวียนจีที่อ่อนแอเพียงนี้ เกรงว่าแค่ถูกตีก็จะ…จะ…”
ผ่านไปครู่หนึ่งเสวียนจีถึงได้พบว่าหรูหมิ่นกำลังเป็นห่วงนาง เพื่อนางแล้ว หรูหมิ่นที่ขี้ขลาดถึงกับรวบรวมความกล้าจะไปหาเนี่ยเฟิงอวิ๋นเชียวหรือ
“ข้าไม่เป็นอะไร นายน้อยสามดีต่อข้ายิ่ง” พอพูดออกมานางถึงได้รู้สึกว่าเสียงตนเองกำลังสั่นน้อยๆ
“แต่…แต่ว่าพี่เสวียนจีท่านกำลังตัวสั่น นี่ท่านถูกนายน้อยสามตีจริงๆ ใช่หรือไม่” นายน้อยสามที่น่าชังทั้งยังทำเกินเหตุนั่น! แม้แต่หลินอันที่ร่างกายแข็งแรงยังทนรับวาจาร้ายกาจของเขาไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่เสวียนจีแล้ว
“เปล่า เขาไม่ได้ตีข้า” เสวียนจีชี้แจง รู้สึกว่าในลำคอร้อนอยู่บ้าง “ข้าเพียงแต่ประหลาดใจมาก…ที่เจ้าเป็นห่วงข้าขนาดนี้…” นางลองยื่นมือไปโอบไหล่หรูหมิ่นไว้เบาๆ
หรูหมิ่นที่ทั้งไร้เดียงสาทั้งไม่มีความคิดร้าย วันแรกที่เข้ามาในคฤหาสน์สกุลเนี่ยก็เป็นฝ่ายเข้าหาแสดงท่าทีผูกมิตรกับนาง ใครจะไปรู้ว่าที่ผ่านมานางไม่มีความสนใจต่อคนจริงๆ แม้จะเป็นคนในครอบครัวตนเอง…นับตั้งแต่จำความได้นางก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ในกองหนังสือ ไม่ค่อยคุ้นเคยกับอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อคน มิใช่มีเจตนาตั้งป้อมป้องกันอะไร เพียงแต่คนในครอบครัวนางทำให้นางมีเส้นแบ่งอย่างเป็นเองตามธรรมชาติ
“พี่เสวียนจี?” หรูหมิ่นหน้าแดง นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เสวียนจีเป็นฝ่ายเข้าใกล้นางเอง
“เจ้าเหมือนเป็นน้องสาวของข้าเลย หรูหมิ่น” เสวียนจีกล่าวเสียงนุ่มนวล
“ในบ้านพี่เสวียนจีก็มีน้องสาวเช่นกันหรือ”
ในบ้านข้ามีเด็กหญิงอยู่ถึงห้าหกคนเชียวล่ะ
“มี…แต่หรูหมิ่นเหมือนเป็นน้องสาวของข้ามากกว่าพวกนาง”
“เช่นนั้น…เช่นนั้นข้า…” หรูหมิ่นกระสับกระส่ายบิดไปบิดมาอยู่บ้าง “เช่นนั้นข้าเป็นน้องสาวของพี่เสวียนจีก็ได้” นางหลุดปากออกมาในที่สุด