บทที่ 1 ฉันรู้ว่าฉันสวย
ทยาดากำลังหัวเสียอยู่กับการวนรถในตึกห้างสรรพสินค้านานร่วมชั่วโมง ด้วยเหตุผลที่เธอแค่ต้องการแวะซื้ออาหารแมวถุงเดียวก่อนกลับเข้าบ้านโดยลืมนึกไปว่าวันนี้เป็นวันศุกร์แห่งชาติ วันที่เธอขยาดนักขยาดหนาที่จะต้องแวะที่ต่างๆ เพราะทุกพื้นที่เต็มไปด้วยรถ แล้วก็รถ แต่ถนนมีอยู่เท่าแมวดิ้นตาย
ก็รู้ตัวอยู่หรอกว่าขับรถหนึ่งคนต่อหนึ่งคันมันเปลืองพื้นที่ถนน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ก็คนมันตัวคนเดียวนี่นา
ดวงตาเรียวเล็กมองเห็นที่ว่างอยู่ข้างหน้ารางๆ หันมองหน้าหลังด้วยความหวังว่าที่ตรงนั้นจะตกเป็นของเธอ…แล้วก็สูญเปล่า เมื่อรถที่ต่ออยู่แถวหน้าเลี้ยวเข้าไปจอดเรียบร้อย ทยาดาได้แต่ถอนหายใจ แต่แล้วเหมือนสวรรค์เป็นใจให้รถคันข้างๆ ที่เธอจอดเหลื่อมรอคิวอยู่กำลังเลื่อนรถออก
เธอแทบจะลงไปกราบขอบพระคุณที่เจ้าของรถคันนั้นออกไปในตอนที่เธอต้องการที่จอดเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่ทันจะตีไฟขอทาง รถคันข้างหน้าเธอก็ทำท่าจะไม่ถอยหลบให้รถด้านในออก หนำซ้ำยังถอยหลังมาบังคับให้เธอต้องถอยตามทั้งๆ ที่รถคันอื่นจี้หลังอยู่แทบจะเกยกัน
อารมณ์คนกำลังโล่งใจว่าได้ที่จอดกลับคุกรุ่นขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าคันหน้าไม่ยอมง่ายๆ ถ้าไม่ติดว่าเธอเห็นโฆษณาอาหารแมวเจ้าประจำกำลังลดราคามากถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่หมดเขตวันนี้เป็นวันสุดท้าย และที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใกล้บ้านที่สุด เธอก็จะยอมล่าถอยให้อยู่หรอก
“คันนี้เขาก็จะออก ทำไมไม่เขยิบไปข้างหน้าเล่า จะถอยมาหาพระแสงอะไรยะ!” ทยาดาตะโกนว่าคันข้างหน้าลั่นรถ ติดที่ไม่ได้ลดกระจกลงแค่นั้น
แต่แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งในชุดพนักงานแอพพลิเคชั่นสั่งอาหารและบริการรับส่งผู้โดยสารเดินมาเคาะกระจกให้คันหน้าเดินรถไปข้างหน้าเพื่อให้คันด้านในออก แล้วส่งสัญญาณให้เธอเลี้ยวเข้าไปจอดแทน เรียกได้ว่าถ้าช้าอีกเสี้ยววินาทีคนที่ลงไล่คันหน้าคงต้องเป็นเธอแน่นอน เพราะความหัวร้อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ยามที่กระบะติดหลังคาคันข้างหน้าเธอทำตีมึน กักทางไม่ให้เข้าไม่ให้ออกจนแถวยาวไปกว่าเดิม
เสียงแตรจากรถคันด้านหลังเริ่มทยอยดังขึ้นทีละคันสองคัน บวกกับหนุ่มน้อยในชุดพนักงานคนนั้นยังคงส่งสัญญาณให้รถเจ้าปัญหาเขยิบไปหาที่จอดใหม่ให้ได้ คงจะไปกระตุ้นต่อมจิตสำนึกของคนขับได้บ้างว่าควรจะต้องทำเช่นไรในภาวะคับขันเช่นนี้
กระบะติดหลังคาคันนั้นยอมเดินหน้าไปเข้าแถวใหม่ให้รถในซองได้ออก และที่จอดตรงนั้นก็ตกเป็นของเธออย่างเต็มรูปแบบเสียที ทำเอาทยาดาถอนหายใจโล่ง
“ขอบใจนะน้อง” ทยาดาลดกระจกลงพูดขอบคุณพนักงานคนนั้นที่ยังคงยืนรอข้ามถนนกลับไปหารถตัวเองที่จอดแอบไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าเดินเข้าห้างตัวปลิว
“พะยูนจ๋า โลมาเอ๊ย แม่กลับช้าหน่อยนะลูก รอหน่อยนะคะ” หญิงสาวพึมพำไปด้วยพลางเดินสับขาแข็งขัน ไม่สนของฟรีที่ยืนแจกอยู่สักเจ้าเพื่ออาหารแมว ลูกๆ สุดที่รักของเธอ