“ไม่หรอกค่ะ คุณเป็นถึงกรรมการบริษัท อย่างไรซะก็ต้องเก่งกว่าลูกน้องอยู่แล้วค่ะ” เธอพูดยกย่องเจ้านายหนุ่มแทน หลังจากที่คิดว่าเขาชมกันเกินไป แต่กวินกลับดีดนิ้วเปาะพร้อมยิ้มถูกใจ
“พูดจาได้ดี เปลี่ยนสีได้เร็ว สมแล้วที่ทำงานด้านนี้ เก่งสมคำโฆษณา”
สาบานเถอะว่าที่เขาพูดนั่นตกลงชมเธอแน่ใช่ไหม ความรู้สึกเหมือนมีเส้นคั่นบางๆ ระหว่างหลอกด่ากับแกล้งชมตีกันให้ยุ่งไปหมด
หญิงสาวยิ้มเจื่อนรับคำอย่างแกนๆ
“แล้วถามได้ไหมว่าเพราะอะไรถึงมีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น”
เขาเข้าประเด็นในทันทีจนทยาดาลังเลใจที่จะพูด แต่มองจากสายตาอยากรู้ของคนตรงหน้าที่มีมากกว่าการตำหนิแล้วเธอก็จำต้องเอ่ยออกไป
“มันเป็นการพูดจากระทบกระทั่งกันนิดหน่อยค่ะ”
กวินเลิกคิ้วสงสัย “ถ้าแค่นั้นผมไม่คิดว่าคุณจะลงไม้ลงมือกันได้นะ ถึงแม้ภาพลักษณ์ของคุณที่ผมเห็นครั้งแรกมันจะสวนทางกับท่าทีเรียบร้อยของคุณในตอนนี้ก็เถอะ”
ทยาดานิ่งเงียบไปอึดใจ
เขาไม่ได้กำลังว่าเธออยู่อีกใช่ไหม คนอะไรพูดจาเหมือนหลอกด่าได้ตลอดเวลา
ใครๆ ต่างบอกว่าเธอเป็นคนแข็งกร้าว ไม่ยอมคน หน้าตาบอกบุญไม่รับ จะแสร้งยิ้มได้ก็ตอนพบลูกค้า เสมือนว่าถ้าใครไม่มีผลประโยชน์เธอก็พร้อมจะใช้สายตาจิกได้ตลอดเวลา ทยาดาคนนี้เจอคำกล่าวหาจนชินชาไปหมด แต่ไม่เคยมีใครรู้หรอกว่าทำไมเธอถึงเป็นคนแบบนี้ ต้องทำตัวเหมือนใส่เกราะอยู่ตลอดเวลาทั้งที่มันน่าอึดอัดจะตาย การใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองหลวงกว้างใหญ่ตั้งแต่อายุหลักสิบหล่อหลอมให้ทยาดาต้องปกป้องตัวเอง ไม่เช่นนั้นเธอจะอยู่ตัวคนเดียวมาจนถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
“ไม่ผิดหรอกค่ะ คนเราถ้าเจอการกระทบกระทั่งในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงบ่อยๆ การประมวลผลส่วนผิดชอบชั่วดีมันก็ขาดๆ หายๆ กันไปบ้าง ถึงจะรู้ผลที่ตามมาแต่มันก็เกิดไปแล้ว ฉันคงไม่มีอะไรจะแก้ตัว รวมถึงตัวคุณด้วย ฉันขอโทษที่ทำกิริยาไม่ดีใส่ตอนที่เจอกัน” ทยาดาพูดด้วยความรู้สึกผิดจากก้นบึ้งของจิตใจ
กวินหันมองคนพูดอย่างแปลกใจที่หญิงสาวมีท่าทีอ่อนลงจนเขาดันรู้สึกใจอ่อนตามไปด้วย สีหน้าจริงจังปรากฏขึ้นบนใบหน้านวลอิ่มนั่น ทำให้เขารู้สึกสนใจในตัวเธอมากขึ้น
“มันเกิดไปแล้วก็ช่างเถอะ ผมไม่ได้ติดใจอะไร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ทยาดายังคงเหม่อลอยคิดไม่ตกจนชายหนุ่มต้องเรียกชื่อซ้ำถึงสองรอบ
“เอาเป็นว่าผมจะไม่คาดคั้นอะไรนะ เพราะฝ่ายบุคคลคงพูดแทนไปหมดแล้ว ทีนี้ผมจะพูดเรื่องของผมบ้าง” กวินตัดบทเปลี่ยนเรื่องแทนบรรยากาศชวนอึดอัด “คุณยังจำได้ใช่ไหมที่ผมบอกกับคุณไปเรื่องนั้น”
ทยาดาฟังแล้วสงสัยได้แป๊บเดียวก็ต้องร้องอ๋อ สายตาหม่นหมองเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นไม่ไว้ใจเขาแทบจะทันที ชายหนุ่มยังคงยิ้มนิ่งๆ แม้เธอจะแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่อยากสนทนาในหัวข้อนี้
“ผมเห็นเขาอยู่ข้างล่างบริษัท สงสัยเจ้าที่ที่นี่จะทำหน้าที่ได้ดีเลยตามคุณขึ้นมาถึงบนนี้ไม่ได้” กวินว่า
“ไม่มีเรื่องอะไรจะพูดนอกเหนือไปจากนี้แล้วใช่ไหมคะ” เธอถามด้วยสีหน้าบ่งบอกได้ว่าเพลียใจจะพูดถึง
“นั่นแหละ ผมถึงได้สงสัยว่าทำไมเขามาอยู่ที่นี่ แล้วก็เกินคาดที่เจอคุณเป็นพนักงานอยู่ที่นี่นี่เอง”
ทยาดานึกค่อนขอดอยู่ในใจ เขาไม่ได้สนใจที่เธอพูดเลยสินะ
“ผมมองเห็นเขา นี่เป็นเรื่องจริงจังนะคุณ”