“คุณทำเหมือนไม่เชื่อว่าผมพูดจริง ตั้งแต่วันนั้นแล้ว” เสียงทุ้มแผ่วลงพร้อมกับสีหน้าคล้ายคนหมดหวัง
ถ้าเขาหยั่งรู้ได้ก็น่าจะเดาออกว่าเธอจะพูดว่ายังไง ในเมื่อเธอแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ว่าเหมือนคุยกับคนเพี้ยน
“คุณเคยนั่งรถบัสที่มีคนเต็มคันรถ และคุณเองก็ใส่เสื้อโปโลสีเหลืองนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ใส่ผ้าปิดตาไว้ตลอดจนถึงทะเล” กวินพูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วก็จบการสนทนาเพียงเท่านั้น
จากที่เคยนึกว่าเขาเพี้ยน ตอนนี้ทยาดาก็ยังไม่เปลี่ยนใจหรือถอนคำพูด เพียงแต่ว่าที่เขาพูดมันเรื่องจริง คนเพี้ยนที่พูดเรื่องจริงเกิดขึ้นแล้ว เธอควรรู้สึกยังไงกับคำพูดนั้นดี ตกใจ ตะลึง อึ้ง ทึ่ง หรือสับสน? เธอทำตัวไม่ถูก
ทยาดาได้แต่มองหน้ากวินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามล้านแปด ในขณะที่คนพูดกลับลอบยิ้มประหนึ่งว่าพูดจี้จุดเธอได้
หญิงสาวพาตัวเองที่ยังมึนงงไม่หายดีกลับบ้านมาด้วยอาการหัวสมองปลอดโปร่ง โล่งจนไม่รู้จะคิดอะไร ยังดีที่กลับบ้านถูกหลังจากที่โดนกวินทักแล้วถูกสามตัวตรงชนิดที่เธอเถียงไม่ได้แม้สักนิด
‘เงียบแบบนี้แสดงว่าผมพูดถูก’ กวินยักคิ้ว
‘ถ้าฉันบอกว่าไม่ถูกล่ะ’
‘ถ้าไม่ถูกคุณจะแว้ดตั้งแต่แรก แถมมองผมเหมือนไส้เดือนกิ้งกือ ไม่นิ่งเงียบติดอ่างกะทันหันแบบนี้หรอก’
เขาเป็นคนแปลกที่เจอกันแค่แวบเดียวแต่สามารถอ่านเธอจนทะลุปรุโปร่งได้ขนาดนี้ ในขณะที่หลายคนต่างบอกว่าเธอเป็นคนเข้าถึงยาก เอาอารมณ์ด้วยยาก ไม่มีใครอยากมาเดาใจว่าคิดอะไรหรือไม่แม้แต่จะเข้าใกล้ด้วย จะเรียกเขาว่าคนมหัศจรรย์หรือพิลึกพิลั่นดี
ทยาดาเดินเก็บของเล่นที่แมวน้อยทั้งสองตัวรื้อระเกะระกะให้เข้าทาง นำไปวางไว้บนชั้นสำหรับของแมวโดยเฉพาะ สายตาพลันมองไปยังตุ๊กตาหมาไขลานของเก่าเก็บในชั้นนั้นซึ่งตัวเองก็จำไม่ได้ว่าเอามาวางรวมกับของเล่นแมวตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอหยิบมันขึ้นมามองด้วยสายตาหม่นหมอง ของเล่นชิ้นแรกของเธอที่ได้ในวันเกิดครบรอบสิบขวบจากพ่อและแม่
แต่ขาของหมามันหัก เพราะพ่อกับแม่ทะเลาะกันในวันนั้น วันที่เธอควรจะได้เป่าเทียนบนเค้กฉลองวันเกิด ไม่ใช่เก็บซากของเล่นกับกวาดเศษเค้กลงถังขยะทั้งน้ำตา
‘ซื้อของให้ลูกทั้งทีได้มาแค่ตุ๊กตาเน่าๆ แค่นี้น่ะเหรอ ทีกับเมียน้อยซื้อใหญ่ซื้อโต ทุเรศ’
มารดาของเธอเอ่ยเย้ยหยันบิดาที่ถือของเล่นชิ้นนี้มาให้ มือของบิดาที่กำลังยื่นของเล่นมาหาเธอถึงกับชะงักลง ร่างหนาท้วมลุกขึ้นยืนจ้องประจันหน้ากับคู่ชีวิตที่อยู่กันมาจนมีเธอโตถึงขนาดนั้นแล้วด้วยสายตาแข็งกร้าว
‘วันนี้วันเกิดมัน แทนที่จะพูดจาให้มันดีให้มันสร้างสรรค์ เสือกพูดทำลายบรรยากาศ มึงไม่ชอบก็เรื่องของมึง ไม่ต้องสาระแนพูด กูรำคาญ’
ทยาดายืนดูบิดาที่ตวาดเสียงสั่นด้วยความโมโห สลับกับมองหน้ามารดาที่พร้อมเอาเรื่องเต็มที่
‘ทำไม กูพูดจี้ใจดำล่ะสิ’
มารดายิ้มเยาะพลางถือเค้กเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าแววตาที่ดูอ่อนลง ผิดกับตอนหันไปว่าบิดาเมื่อครู่