ร่างสูงเข้าห้องทำงานของตัวเองมาก็เห็นบิดานั่งรอรับทำหน้าดุอยู่หน่อยๆ
“ทำไมมาช้า วันนี้วันประชุมครั้งแรกของแกนะ” เสียงทรงพลังพร้อมท่าทางอันน่าเกรงขามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งกรรมการหันมามองเขาที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา
กวินก้มขอโทษทันที
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะพ่อ” ชายหนุ่มจับเนกไทให้เรียบร้อย วางกระเป๋าบนโต๊ะแล้วทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กในห้องอย่างผ่อนคลาย
“เรื่องอะไรที่มันสำคัญกว่าการที่แกจะมาเป็นกรรมการบริษัทรึไอ้วิน”
กมลภพ ผู้ก่อตั้งบริษัทนำเข้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการประชุมทางไกลแห่งนี้เอ่ยถามผู้เป็นบุตรชายคนโตที่นั่งทำตัวตามสบาย ไม่เคร่งเครียดในการเข้ารับตำแหน่งกรรมการอย่างเป็นทางการในวันนี้
“เรื่องที่พ่อก็น่าจะรู้” เขาว่า
กมลภพถอนหายใจยาว ผู้เป็นบิดาทราบดีถึงความสามารถพิเศษที่ติดตัวกวินมา แต่ก็มิอาจช่วยลูกชายไปได้มากกว่าการให้คำปลอบและยอมปล่อยให้ชายหนุ่มทำอะไรตามที่ตัวเขาเองต้องการโดยไม่บังคับกัน ยกเว้นบังคับให้กลับมารับตำแหน่งกรรมการแทนคนที่ถูกไล่ออกไป
“แกอย่าเที่ยวไปช่วยคนนู้นคนนี้นัก ทำเป็นมองผ่านมันไปเสียบ้างก่อนที่จะประสาทกินไปเสียก่อน ฉันเองก็ยังหาทางติดต่อหลวงลุงของแกไม่ได้ เขาน่าจะรู้วิธีอะไรบ้างที่จะทำให้แกหายนอกเหนือจากวิธีที่แกไม่เชื่อนั่น เพราะฉะนั้นช่วยทำเป็นปล่อยผ่านไป เดี๋ยวมันก็น่าจะดีขึ้นเองถ้าแกไม่ไปใส่ใจมัน”
“ท่าจะยากนะพ่อ เพราะผมดันใส่ใจไปแล้วด้วย” ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อน
เขาสนใจทยาดาตั้งแต่ที่เห็นภาพเข้ามาในหัวตอนจับมือแล้ว แม้คราแรกจะสนใจในหน้าตามากกว่า
และเมื่อครู่ก่อนมาถึงห้องเขาดันเห็นภาพคล้ายกันกับอีกคนที่เป็นพนักงานของที่นี่ด้วย ความอยากรู้อยากเห็นยิ่งพุ่งทะยานไปกันใหญ่ ซึ่งบิดาได้แต่ส่ายหน้าให้กับความรั้นของลูกชายคนโตด้วยอาการปลงตก
จะว่ากวินเป็นคนว่าง่ายก็ใช่ จะหัวรั้นก็ใช่ จนบางทีกมลภพก็ออกจะปวดหัวกับลูกชายคนนี้บ่อยๆ แม้เขาจะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรก็ตาม
รตา เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายบุคคลเข้ามาเคาะประตูเรียกบุคคลทั้งสองไปที่ห้องประชุมทันทีที่เรียกหัวหน้าแผนกทุกฝ่ายเข้าไปรอพร้อมกันในห้องแล้ว ชายหนุ่มก้าวเข้ามาพร้อมบิดาโดยมีทุกคนยืนต้อนรับเป็นอย่างดี แต่สายตาของเขากลับเห็นแค่ทยาดาที่วันนี้สีหน้าดูหมองพิกล
“ทุกคนคงทราบถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นภายในบริษัทแล้ว ฉะนั้นผมจึงขอแนะนำกรรมการบริษัทคนใหม่ที่จะมารับตำแหน่งเพื่อดูแลต่อในส่วนงานนี้” หลังจากเข้านั่งประจำที่ในแต่ละตำแหน่ง ประธานสูงสุดอย่างกมลภพก็พยักพเยิดให้กวินลุกขึ้นแนะนำตัว
สายตาของชายหนุ่มแทบไม่ได้ละไปจากทยาดาเลยสักนิด แม้เธอจะไม่ได้มองเขาเลยตั้งแต่เข้ามา
“ผมกวิน ภูธนากุล จะเข้ามารับตำแหน่งกรรมการลำดับที่หนึ่งซึ่งมีหน้าที่ดูแลและบริหารในทุกๆ ส่วนของบริษัทนี้โดยตรง หากพนักงานท่านใดมีปัญหาในเรื่องการทำงานก็สามารถนำเรื่องส่งมาที่ผมได้เลย”
ร่างสูงแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ และทุกคนก็ดูจะให้การตอบรับที่ดีด้วยการลุกขึ้นยืนโค้งรับเช่นกัน แม้แต่ทยาดาที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับก็ยังลุกขึ้น
กวินมองตามสายตาที่ทยาดาหันไปสบแล้วเสมองทางอื่นอย่างรวดเร็วประหนึ่งไม่อยากจะชายตาแล จึงได้เห็นร่างของคนที่เพิ่งเดินชนเขาเมื่อเช้า ซึ่งชายผู้นั้นกำลังจ้องหญิงสาวตาเป็นมันราวจะกลืนกินเธอเข้าไป พอเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกตงิดๆ ขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากจบการแนะนำตัวของเขา แต่ละฝ่ายก็เริ่มทยอยลุกขึ้นรายงานการทำงานในแต่ละฝ่ายของแต่ละสาขาให้ฟัง แม้จะตั้งใจรับฟังเป็นอย่างดี แต่สายตาเขาก็ยังมองไปทางทยาดาเป็นระยะ สลับกับคนที่แนะนำตัวเองว่าสพลนั่นด้วย
กวินรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลที่สพลจ้องมองหญิงสาวอย่างกรุ้มกริ่ม แต่ทยาดานั้นกลับหลบสายตาเป็นพัลวัน เผลอๆ ถ้าดวงตาเธอเอ่ยออกมาได้คงได้ยินเสียงด่าสนั่นออกมาจากสายตาจิกกัดคู่นั้นเป็นแน่ เพราะดูท่าทางหญิงสาวไม่ได้มีการตอบสนองที่ดีนักต่อชายผู้นั้นเลย
เห็นทีว่าเขาคงจะต้องทำความรู้จักทั้งสองคนนี้ให้มากขึ้นเสียแล้ว
ติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 น.