บทที่ 10
แสงจันทร์สีเงินถูกเมฆดำบดบัง ต้นอู๋ถงที่ใบร่วงโกร๋นกลางลานเรือนถูกลมพัดไหว กระดิ่งบนชายคาเรือนดังสองที มือของเสิ่นเจินชะงักอยู่บนห่วงประตู
นางหลับตาลงอย่างเสียใจและรำคาญใจมาก จากนั้นก็หันหน้ามาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดเสียงอ่อนหวาน “ใต้เท้ายังมีอะไรอื่นอีกหรือ”
“กลับมา” เขาพูดเสียงเบา
เสิ่นเจินอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา รู้สึกว่าเท้าหนักเป็นพันชั่งขึ้นมาทันใด แต่จำต้องเดินกลับไป
ลู่เยี่ยนเห็นนางเดินกลับมาก็ตบไปที่ผ้าห่มหนึ่งทีและพูดว่า “จุดตะเกียง นั่งลง”
เสิ่นเจินจุดตะเกียง จากนั้นก็ค่อยๆ นั่งลง
ลู่เยี่ยนโน้มตัวมองนาง สายตาของเขาเย็นเยือกยิ่งกว่าลมในฤดูหนาวเสียอีก เพียงแวบเดียวก็สามารถมองทะลุความคิดของนางได้ “ไปเตรียมน้ำ ข้าจะอาบน้ำ”
เสิ่นเจินรับคำ จากนั้นเรียกได้ว่าเหมือนหนีหัวซุกหัวซุน ย้อนคิดถึงสายตาของเขาเมื่อครู่ เป็นการสั่งให้นางเตรียมน้ำเสียที่ไหน เป็นการถามนางชัดๆ ว่า ‘ข้าให้เจ้าออกไปแล้วหรือ’
ตอนลู่เยี่ยนกลับมาจากห้องอาบน้ำเสิ่นเจินยังอยู่ในห้อง เทียบกับตอนที่เขาเพิ่งเข้าห้องมาแล้วดูโอนอ่อนผ่อนตามขึ้นมาก
คงไม่มีเคยมีใครสอนให้ปรนนิบัติผู้อื่นสินะ
ลู่เยี่ยนคิดพลางนอนลงบนเตียง
ราชวงศ์จิ้นชายหญิงร่วมเตียงกัน ไม่ว่าจะเป็นภรรยาหรืออนุภรรยาล้วนเป็นชายนอนชิดใน หญิงนอนริมนอก ทว่าลู่เยี่ยนขึ้นเตียงก็นอนลงบนตำแหน่งเดิมของเสิ่นเจิน
เสิ่นเจินเห็นเขาครั้งนี้จะนอนจริงแล้วจึงพูดเสียงเบาว่า “ใต้เท้า ดับไฟหรือไม่”
ลู่เยี่ยนส่งเสียงรับ
ภายในห้องตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง
ลู่เยี่ยนตะแคงตัวมองเสิ่นเจินที่สวมเสื้อเรียบร้อยแผ่นหลังแข็งตรงแวบหนึ่งแล้วถามประชดว่า “ตอนเจ้าอยู่จวนโหวก็สวมเสื้อชั้นนอกนอนหรือ”
มือของเสิ่นเจินที่วางอยู่บนตักกำแน่น “ใต้เท้า ข้าค่อนข้างกลัวหนาว”
สิ้นเสียงพูด ลู่เยี่ยนก็แค่นเสียงยิ้มเยาะหนึ่งที
สองวันมานี้แม้ตัวเขาจะไม่ได้มา แต่ถ่านไม้ก็ไม่ได้ขาดส่งให้นาง เขาสวมเสื้อตัวกลางยังไม่หนาว นางจะหนาวหรือ
ลู่เยี่ยนไม่ได้คิดจะทำอะไรและขี้เกียจเปิดโปงนาง แต่เห็นนางไม่นอนลงเสียทีจึงเกิดความไม่พอใจขึ้นอีกครั้ง
ในความคิดของเขา การจะแตะต้องนางหรือไม่เป็นเรื่องของเขา ไม่ต้องให้นางคอยระวังเขาเลย ดังนั้นจึงเอ่ยปากพูดอีกครั้ง “เจ้าจะนั่งแบบนี้ทั้งคืนหรือ”
เสียงเข้มของเขาราวกับแฝงการเตือนเอาไว้เล็กน้อย
พอได้ยินคำพูดนี้แล้วเสิ่นเจินก็นึกท้อใจไปหมด ร้องไห้ก็ไม่กล้าร้อง กัดริมฝีปากและแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มแต่โดยดี
เป็นคุณหนูอยู่ในจวนอวิ๋นหยางโหวมาสิบหกปี เป็นครั้งแรกที่มีชายหนุ่มมานอนอยู่ข้างกาย ความง่วงเล็กน้อยเมื่อครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว
นางตัวแข็งเกร็ง ไม่กล้าหายใจแรง กลัวว่าเพียงขยับจะแตะถูกตัวของเขา
นางไม่อยากได้ยินเขาพูดอีกแล้ว
ทุกคำพูดล้วนเหมือนมีดเล่มหนึ่ง และนางยังไม่สามารถต่อต้านได้อีกด้วย อย่าว่าแต่ตัวนางเองเลย แม้แต่เสิ่นหงก็ยังอยู่ในมือของคนเขาด้วย
รอจนลมหายใจของคนข้างกายสม่ำเสมอนางจึงได้โล่งอก
เสิ่นเจินลองหลับตาลง แต่จู่ๆ ก็มานอนขอบเตียงด้านนอก ไม่เคยชินเลยจริงๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ นางแทบจะพลิกตัวทุกๆ หนึ่งเค่อ
ลู่เยี่ยนถูกนางทำให้ตื่นจึงขมวดคิ้วเบาๆ ต่อให้เขานอนหลับสนิทเพียงใดก็ยังถูกนางทำให้ตื่นได้อยู่ดี
เขายื่นแขนยาวออกมาวางลงบนตัวนางและพูดเสียงแหบพร่า “เจ้าอย่าขยับอีกเลย”
การกระทำของเขาสำหรับเสิ่นเจินแล้วไม่ต่างอะไรกับชาวประมงฆ่าปลา ยกมือตวัดมีดลงมาและตีนางให้ตายในทันที
ตลอดทั้งคืนนางล้วนอยู่ในท่านี้ ไม่ได้ขยับอีกเลย