With Love
ทดลองอ่าน หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ บทที่ 1
หลังย้ายห้องพักผู้ป่วยสำเร็จ ลู่จยาก็ได้อยู่อย่างสงบสุขไปหลายวัน เธอรู้สึกขอบคุณเฉิงอี้เหิงมากทีเดียว และวางแผนจะหาเวลาเอาเงินหนึ่งแสนหยวนที่รับปากไว้ไปให้กับเฉิงอี้เหิงแต่กลับกลายเป็นว่าในช่วงหลายวันนี้เป็นวันหยุดของเฉิงอี้เหิง ลู่จยาจึงไม่มีโอกาสได้พบกับเขา
บ่ายวันนั้น ขณะที่พยาบาลนำบิลค่าใช้จ่ายมาให้ลู่จยา เฉิงอี้เหิงก็กลับมาทำงานแล้ว ลู่จยาจึงเรียกแพทย์หนุ่มมาหาก่อนจะยื่นบัตรเดบิตที่ได้มาจากประธานของสโมสรให้เขา ‘คุณช่วยไปรูดให้ฉันหน่อยสิ นี่รหัสค่ะ’
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วเฉิงอี้เหิงก็กลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย เขาส่งบัตรคืนให้ลู่จยาแต่เธอกลับไม่รับ
‘คุณไปที่ตู้เอทีเอ็มแล้วโอนให้ตัวเองหนึ่งแสนด้วยนะ’ ลู่จยาพูด
‘หนึ่งแสน?’ เฉิงอี้เหิงดูสับสน
‘ก็คราวก่อนฉันพูดไว้แล้วว่าถ้าคุณช่วยฉัน ฉันจะให้เงินคุณแสนหนึ่งไง’ ลู่จยาอธิบาย
‘ผมไม่ต้องการ’ เฉิงอี้เหิงพูดจบก็ยัดบัตรใบนั้นใส่มือลู่จยา
ลู่จยาดันบัตรในมือกลับไปให้เขา ‘คุณต้องรับ เงินแค่เล็กๆ น้อยๆ เรื่องเล็กๆ…’
‘แต่ว่า…’ เฉิงอี้เหิงพูดไปก็ถูกขัด
‘เอาอย่างนี้แล้วกัน’ ลู่จยาโขยกเขยกมาข้างๆ วีลแชร์ก่อนจะนั่งลง ‘คุณพาฉันไปที่ตู้เอทีเอ็ม ฉันจะไปกดเงินสดมาให้คุณ แบบนี้สิถึงจะเป็นการแสดงความจริงใจ’
เฉิงอี้เหิงทนลู่จยารบเร้าไม่ไหวจึงได้แต่ทำตามที่เธอต้องการ
ก่อนที่จะออกจากห้องพักผู้ป่วย เฉิงอี้เหิงช่วยลู่จยาแต่งตัวจนมิดชิด ทั้งคู่ลงมาที่ตู้เอทีเอ็มตรงแผนกการเงินซึ่งอยู่บริเวณส่วนกลางของโรงพยาบาล
ลู่จยาสอดบัตรเข้าไป เธอไม่ได้สนใจตรวจสอบยอดเงินเลยสักนิด แต่กลับกดถอนเงินหนึ่งแสนหยวนทันที
ระบบแจ้งว่าจำนวนเงินคงเหลือไม่เพียงพอ
ลู่จยางุนงงไปพักหนึ่งก่อนจะรีบกดตรวจสอบยอดเงินคงเหลือทันที บนหน้าจอแสดงว่าเงินคงเหลือในบัตรนั้นมีไม่ถึงสองหมื่นหยวน
ลู่จยารู้สึกอับอายอย่างมาก ‘นี่…นี่มัน…’
ฮว่าถิงพูดไว้ไม่ผิด ลู่จยาเป็นสาวซื่อบื้อ
ลู่จยาเป็นคนที่ไม่ได้เห็นคุณค่าของเงิน เธอหาเงินได้มากเท่าไหร่ก็ใช้ไปเท่านั้น แล้วยังโอนเงินให้พ่อแม่ของฮว่าถิงไปอีกห้าล้านหยวน บัตรที่ประธานสโมสรมอบไว้ให้เธอใบนี้จึงเป็นบัตรใบเดียวที่ยังมีเงินอยู่ แต่เมื่อชำระค่าผ่าตัด ค่ายา และค่าห้องพักในโรงพยาบาลไปแล้วก็เหลือเพียงเท่านี้
‘…ตอนนี้ฉันคงจะให้เงินหนึ่งแสนกับคุณไม่ได้แล้ว เดี๋ยวฉันขอกลับไปหาวิธีก่อนนะ’ ลู่จยาหันหน้ากลับมามองเฉิงอี้เหิงอย่างเขินๆ พอไม่มีเงินลู่จยาก็ทำตัวไม่ถูก เธอมองเฉิงอี้เหิงด้วยความละอายใจ จำได้ว่าตัวเองพูดจาหน้าใหญ่โตไว้แค่ไหน นึกแล้วตอนนี้ก็อยากจะขุดหลุมฝังตัวเองจริงๆ
เรื่องที่ลู่จยากลัวที่สุดคือการไม่สามารถทำตามสิ่งที่รับปากไว้ได้
‘ไม่เป็นไร’ เฉิงอี้เหิงตอบ
ลู่จยายังไม่ยอมแพ้ เธอก้มหน้าลงรื้อกระเป๋าสตางค์ที่เพิ่งได้รับมา ในนั้นมีบัตรมากมายที่ใช้ไม่ได้แต่กลับไม่มีเงินเลย เธอยิ่งทำตัวไม่ถูก ภาพลักษณ์ที่ดีของเธอ ที่ทำเป็นเก่งต่อหน้าเฉิงอี้เหิงทั้งหมดนั่นพังทลายไม่มีชิ้นดี
เฉิงอี้เหิงกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ‘ไม่เป็นไรๆ ผมไม่ได้ต้องการเงินครับ’
ลู่จยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยุคนี้เป็นยุคสมัยของการใช้เงิน จะยังมีใครที่ไม่ต้องการเงินอีกเหรอ หรือว่าเขาจะต้องการอย่างอื่น…
ลู่จยาเงยหน้าขึ้นถาม ‘งั้นทำไมคุณถึงได้ดีกับฉันนักล่ะ’
‘เอ่อ…’ เฉิงอี้เหิงลังเลขึ้นมา
ลู่จยาเป็นคนที่คิดอะไรอย่างง่ายๆ พอเธอทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงนี้แล้วดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา เธอแอบคิดอยู่ในใจว่าที่เฉิงอี้เหิงคนนี้ยอมเสี่ยงชื่อเสียงและอนาคตมาผ่าตัดให้เธอ ช่วยกันเธอจากนักข่าว แถมยังช่วยเธอจากการถูกซุปไก่สาดอีก ทั้งหมดนั้นหากเขาไม่ได้ทำเพราะเงิน…
หรือว่า…เขาจะชอบฉัน?
ลู่จยาเข้าร่วมสโมสรเพื่อฝึกหัดขี่มอเตอร์ไซค์ตอนช่วงอายุสิบสี่ คนในสโมสรล้วนดีกับเธอเพราะเธอเป็นตัวทำเงิน ประเด็นนี้ลู่จยารู้อยู่แก่ใจดี และเพราะแบบนี้ถึงรู้สึกแปลกๆ เมื่อเฉิงอี้เหิงมาทำดีกับเธอทั้งที่เธอไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย
เวลาที่ลู่จยาขี่รถจะมีความมุ่งมั่น เด็ดขาด อีกทั้งเทคนิคก็เป็นเลิศ เธอชอบที่จะเสี่ยง ในการแข่งขันที่ผ่านๆ มานั้น ภาพที่มักจะปรากฏต่อสายตาผู้ชมคือหลายๆ ครั้งตัวรถของเธอเกือบจะแนบราบไปกับพื้น ทุกคนต่างพากันคิดว่าจะต้องเกิดอุบัติเหตุกับเธอแน่นอน แต่แล้วเธอกลับสามารถพลิกสถานการณ์ได้และขึ้นนำคู่ต่อสู้ไปอย่างรวดเร็ว ลู่จยาชอบทำให้ผู้ชมตกใจเสมอ
และเพราะว่าลู่จยาไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับสื่อสักเท่าไหร่ ภาพของเธอที่ปรากฏอยู่หน้ากล้องเพียงไม่กี่ครั้งจึงมักจะเป็นภาพที่ดูเท่ๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังนั้นเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
คนส่วนใหญ่จะได้เห็นภาพลักษณ์ของลู่จยาเฉพาะตอนที่อยู่ในสนามแข่งเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเธอเป็นแค่สาวน้อยที่มีอีกด้านซึ่งไม่มีใครรู้จัก เช่น เธอมักจะเข้าไปเม้าท์มอยในกลุ่ม ‘สายเม้าท์มาแล้วจ้า’ ในโต้วปั้น ลู่จยาเคยอ่านกระทู้เกี่ยวกับความรู้สึกและการใช้ชีวิตของคนอื่นมาแล้วมากมาย ดังนั้นตอนนี้เมื่อมาเจอกับเฉิงอี้เหิงที่ดีกับเธอมาก เธอจึงคิดว่าตนควรจะไปขอความคิดเห็นจากบรรดาเทพธิดาตัวน้อยๆ ในกลุ่มดีไหม ให้คนเหล่านั้นช่วยกันวิเคราะห์เรื่องนี้
ลู่จยาจมดิ่งอยู่ในความคิดของตัวเองจนลืมเฉิงอี้เหิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ไปแล้ว เธอพยักหน้ากับตัวเองด้วยใบหน้าที่แสดงความมั่นใจอย่างมากกับการตัดสินใจครั้งนี้ไปตลอดทางพร้อมๆ กับหมุนล้อวีลแชร์เพื่อกลับห้องพักด้วยตัวเอง ทิ้งให้เฉิงอี้เหิงยืนงงอยู่ทางด้านหลัง
เมื่อกลับถึงห้องพักเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที ลู่จยาเปิดกลุ่มในโต้วปั้นและตั้งกระทู้ ‘หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ’ ขึ้นมา
เธอไม่คิดเลยว่าเมื่อตั้งกระทู้แล้วจะมีคนตอบกลับมากมายเช่นนี้ ที่ผ่านมาเธออยู่คนเดียวตามลำพังจนเคยชิน เวลานี้จึงรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้แบ่งปันความรู้สึกต่างๆ กับคนอื่น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ข้อความในอินเตอร์เน็ต แต่ลู่จยาก็ได้รับแรงสนับสนุนมากมาย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 ก.พ. 64