ทดลองอ่าน หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ บทที่ 2-บทที่ 3 – หน้า 10 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

With Love

ทดลองอ่าน หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ บทที่ 2-บทที่ 3

‘หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ’ เป็นกระทู้ที่ได้รับความนิยมมาก มันร้อนแรงจนฉุดไม่อยู่ ลู่จยาที่ซุกตัวอยู่แต่ในห้องเปิดกระทู้ดูตั้งแต่เช้า

เฉิงอี้เหิงเคาะประตูเรียก “คุณเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง ต้องออกไปร่วมงานแล้วนะ”

ลู่จยามองนาฬิกาที่มุมล่างขวาของจอคอมพิวเตอร์ ตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว เธอต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าเตรียมตัวออกจากคอนโดฯ ก่อนหน้านี้ลู่จยาไม่ค่อยได้ออกจากห้องนัก อย่างแรกเพราะเรื่องคราวก่อนยังทำให้เธอหวาดกลัวอยู่ อย่างที่สองคือขาของเธอยังไม่หายดีเท่าไหร่

แต่ที่วันนี้ยอมออกจากบ้านเพราะเธอรับปากไว้ว่าจะไปร่วมงานวันเกิดคนไข้ของคุณหมอเฉิงอี้เหิง

เฉิงอี้เหิงบอกว่าคนไข้คนนี้เป็นนักธุรกิจ ใหญ่โตขนาดถึงขนาดที่เรียกลมเรียกฝนในพื้นที่ของเขาได้ ช่วงวัยรุ่นก็ถูกขนานนามว่าสามารถ ‘เปลี่ยนหินให้เป็นทอง’ ไม่ว่าจะไปไหนก็หาเงินได้ตลอดจึงมีทรัพย์สินสะสมไม่น้อยทั้งยังสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเองขึ้นมาได้อีก

ลู่จยาหัวเราะเขา “คุณหมอเฉิง ฉันคิดว่าคุณดูเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก จนไม่น่าจะไปร่วมงานเลี้ยงสร้างเส้นสายแบบนี้ ไม่คิดว่าคุณก็…”

“นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงสร้างเส้นสายอะไร แต่เป็นงานเลี้ยงขอบคุณของคนไข้ของผม ถ้าผมไม่ไปก็จะดูเหมือนผมไม่เอาใคร”

ที่จริงแล้วนอกจากจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้แล้ว สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือครอบครัวเฉิงอี้เหิงกับประธานคนนี้มีความสัมพันธ์กันแนบแน่นกันอยู่ แต่แน่นอนว่าตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องครอบครัวของเขาให้ลู่จยารับรู้

จะเอาคน หรือไม่เอาคนสำหรับลู่จยาแล้วไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะตัวเธอเองก็เป็นคนที่ไม่เอาคนอื่นอยู่แล้ว ที่ผ่านมาสโมสรเป็นเหมือนร่มคันใหญ่ที่กันทุกอย่างเอาไว้ให้เธอ เป็นเหมือนอ่าวอันอบอุ่นปลอดภัยที่ช่วยปกป้องเธอจากลมฝนและพายุหิมะทั้งหลาย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสโมสรปกป้องเธอเอาไว้อย่างเพื่อให้เธอได้ใช้เวลาไปกับการฝึกฝนและการแข่งขันอย่างเอาจริงเอาจัง สำหรับเรื่องอื่นๆ นั้นจะมีคนคอยช่วยจัดการรับมือให้เธอ เพราะเป็นแบบนี้ลู่จยาถึงไม่เคยคิดทบทวนเลยว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าเวลาไหนจะต้องทำอะไรหรือพูดอะไร ซึ่งนั่นก็ทิ้งภาพจำที่ดูเหมือนเป็นคนไม่แคร์สิ่งใดๆ ไว้

ลู่จยาอ่อนโยนขึ้นมากหลังจากที่ได้มาใช้ชีวิตกับเฉิงอี้เหิง ทำให้เขาได้เห็นมุมน่ารักๆ ที่คาดไม่ถึงอยู่บ่อยๆ

“ฉันรู้แล้ว จะรีบแต่งตัวเดี๋ยวนี้แหละ” ลู่จยาตะโกนบอกออกไป เธอเดินกระย่องกระแย่งไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบเครื่องสำอางแต่ละชิ้นออกมา จากนั้นก็จัดวางมันไว้อย่างเป็นระเบียบ ครีมรองพื้น อายแชโดว์ มาสคาร่า คอนทัวร์สติ๊ก แป้งพัฟ…

เธอไม่ได้แต่งหน้ามาพักใหญ่แล้ว

เมื่อมองบรรดาเครื่องสำอางมากมายที่อยู่ตรงหน้านี้แล้วเธอก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง อยู่ๆ ก็หมดความมั่นใจไปเสียอย่างนั้น

ไม่ต้องสนใจอะไร ลู่จยาให้กำลังใจตัวเอง เธอหยิบขวดครีมรองพื้นขึ้นมาเขย่าแล้วบีบเนื้อครีมขนาดเท่าเม็ดถั่วออกมาไว้บนหลังมือ จากนั้นจึงหยิบฟองน้ำขึ้นมาแต่งหน้า เมื่อลงรองพื้นเรียบร้อยแล้วลู่จยาก็เตรียมจะวาดคิ้ว ตอนนั้นเองถึงได้เห็นว่ามีขนคิ้วขึ้นจนรก ทำให้ดูไม่เป็นทรงเท่าไหร่นัก เธอคิดว่าควรต้องกันคิ้วสักหน่อย

ขณะที่เธอหยิบมีดโกนขึ้นมาเตรียมจะกันคิ้วนั่นเอง เฉิงอี้เหิงก็ทะลึ่งพรวดเข้ามาในห้อง

“คุณดูซิว่าชุดเดรสนี่เป็นยังไง ผมให้เพื่อนผู้หญิงที่ทำงานช่วยแนะนำมา บอกให้คุณออกไปเลือกด้วยกันกับผมคุณก็ไม่ยอมไป…” เฉิงอี้เหิงหยิบชุดเดรสออกมาขณะพูดไปครึ่งประโยค เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นคิ้วด้านขวาของลู่จยาแหว่งไปกระจุกหนึ่ง เฉิงอี้เหิงอ้าปากกว้างร้องขึ้นอย่างตกใจ “คิ้วคุณเป็นอะไรน่ะ?!”

“ฉัน…” ลู่จยาลุกขึ้นยืนอย่างโมโห “ฉันกำลังกันคิ้วอยู่! แล้วคุณก็พุ่งเข้ามา พอฉันมือสั่นก็…”

เฉิงอี้เหิงก้าวถอยหลังไปสองสามเก้าด้วยความรู้สึกผิด เขาเดินวนไปวนมาจากนั้นจึงมาหยุดอยู่ข้างๆ ลู่จยา วางมือลงบนไหล่ของเธอแล้วตบเบาๆ สองสามที ก่อนจะวางชุดที่อยู่ในมือลง “คุณค่อยๆ กันคิ้วไปนะ ผมออกไปก่อน…”

“หยุดเลยนะ!”

เฉิงอี้เหิงชะงัก รู้ตัวดีว่าตนไม่อาจจะหลบเลี่ยงความผิดนี้ไปได้ เขาจึงรีบล้วงเอาบัตรเครดิตใบหนึ่งส่งให้ลู่จยา “ถือว่านี่เป็นการชดใช้ความผิดของผมก็แล้วกัน คุณเอาไปรูดได้ตามสบาย” ความสนใจของลู่จยาไม่ได้อยู่ที่บัตรของเฉิงอี้เหิง แต่เป็นเดรสชุดนั้น “ชุดเดรสนี่…”

“ทำไมเหรอครับ”

“สวยดีนะ” ชุดเดรสตัวนี้ดึงดูดความสนใจลู่จยาได้สำเร็จ

ขณะที่ลู่จยากำลังชื่นชมชุดเดรสอยู่นั้นแววตาของเธอก็เป็นประกายราวกับอัญมณีที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่กลางทะเลสาบ เฉิงอี้เหิงเห็นท่าทางเช่นนั้นของลู่จยาบางส่วนในใจก็เกิดความรู้สึกอ่อนยวบยาบขึ้นมา

ปกติแล้วลู่จยาไม่ค่อยได้สวมกระโปรงบ่อยนัก เพราะเธอต้องซ้อมขี่รถและลงแข่งขันอยู่ตลอดจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้สวมมันสักเท่าไหร่ อีกอย่างตัวเธอเองก็ไม่ได้ชอบสักเท่าไหร่ด้วย ในสายตาของลู่จยานั้นผู้หญิงที่สวมกระโปรงเวลาเดินจะดูเหมือนกำลังลอยอยู่ เอวดูบางอ่อนช้อย เย้ายวนไปทั้งตัวเหมือนกับหมิ่นลู่และฮว่าถิง

ลู่จยาจึงรู้สึกว่าการสวมกระโปรงไม่ค่อยเข้ากับสไตล์ของตัวเองเท่าไหร่ อีกทั้งเธอยังต้องรักษาภาพลักษณ์เท่ๆ ของตัวเองเอาไว้ด้วย

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in With Love

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com