จือฮวายื่นมือข้างหนึ่งออกมาช่วยพยุงตัวลู่จยา ส่วนเธอก็ออกแรงดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แต่เพราะขาของเธอชามากๆ จึงต้องนั่งลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “ไม่ไหว ขาของฉันชามาก ลุกขึ้นไม่ไหวจริงๆ”
ทว่าจือฮวาไม่เชื่อจึงเรียกเพื่อนของตัวเองให้เข้ามาช่วย ทั้งคู่เข้ามาพยุงตัวลู่จยาอยู่หลายครั้ง แต่ทำยังไงลู่จยาก็ลุกไม่ได้สักทีทำให้จือฮวาเริ่มโมโห หล่อนจ้องลู่จยาก่อนพูดออกมา “คุณลู่ต้องให้คุณหมอเฉิงเข้ามาอุ้มคุณใช่ไหมคะถึงจะยอมลุกได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะไปเรียกคุณหมอเฉิงเข้ามาให้เดี๋ยวนี้เลย ยังไงซะตอนนี้ก็ไม่มีคนใช้ห้องน้ำพอดี”
“ไม่ใช่…” ลู่จยาไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่ขาชาจนลุกไม่ขึ้นยังไงดี หน้าผากของเธอมีเหงื่อซึมออกมา แม้จะไม่อยากจะให้ใครคิดว่าทำตัวสำออย แต่สุดท้ายเธอก็จำต้องพูดออกไป “คุณจือฮวาคะ รบกวนคุณช่วยเรียกคุณหมอเฉิงเข้ามาเถอะค่ะ ขาของฉัน…อาจจะมีปัญหาก็ได้”
จือฮวาปรายตามองลู่จยาด้วยความไม่พอใจจนแทบจะเป็นการค้อนใส่ ตอนนั้นเองลู่จยาถึงมองออกอย่างชัดเจนว่าก่อนหน้านี้สิ่งที่จือฮวาแสดงออกมาทุกอย่างนั้นล้วนแล้วแต่เสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น
เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังกึกๆ เดินออกไปที่หน้าประตู จือฮวาพูดอะไรบางอย่างกับเฉิงอี้เหิงแต่เพราะระยะห่างมีไม่น้อยลู่จยาจึงได้ยินไม่ชัดนัก
ไม่นานนักจือฮวากับเพื่อนก็จากไป เฉิงอี้เหิงที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตะโกนถามออกมา “ขอโทษนะครับ ในห้องน้ำผู้หญิงมีคนอยู่หรือเปล่าครับ”
ไม่มีเสียงคนตอบรับ
เฉิงอี้เหิงเดินเข้ามาด้านในถึงเห็นลู่จยาที่มีเหงื่อออกเต็มหน้า ตอนนี้ตัวของหญิงสาวพิงอยู่ที่ผนังห้องน้ำ เขารับรู้ถึงความผิดปกติได้ในทันทีจึงรีบเข้ามาเช็กขาข้างที่บาดเจ็บของลู่จยา “คุณเป็นยังไงบ้าง”
“อยู่ๆ ขาก็ชาขึ้นมา ตอนแรกเป็นแค่ข้างเดียว…” ริมฝีปากของลู่จยาซีดขาว บนหน้าผากของเธอมีเหงื่อซึมออกมาไม่หยุด “แต่สักพักขาอีกข้างก็ชาด้วย แล้วก็ชาไปเลยครึ่งตัว…”
ริมฝีปากของลู่จยาสั่นเล็กน้อยขณะพูด
“อาจจะเป็นเพราะอาการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย” เฉิงอี้เหิงอุ้มเธอขึ้นมา พอออกจากห้องน้ำเขาสั่งการบริกรอยู่ครู่หนึ่ง หลังรับโทรศัพท์มือคืนมาแล้วก็เตรียมตัวจะออกจากงาน ทว่าตอนจะเข้าไปในลิฟต์ก็บังเอิญเจอเข้ากับจือฮวาที่สวนออกมา
จือฮวาประหลาดใจเล็กน้อยด้วยไม่คิดว่าเฉิงอี้เหิงจะอุ้มลู่จยาออกมาจึงทักขึ้นว่า “คุณหมอเฉิงดูจะกังวลใจเรื่องของคุณลู่มากเลยนะคะ”
“ขอทางหน่อยนะครับ” เฉิงอี้เหิงไม่สนใจที่จือฮวาประชด
“หา?” จือฮวาประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
“ลู่จยามีอาการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด ตอนนี้ผมเลยต้องรีบพาเธอไปโรงพยาบาล ยังไงรบกวนคุณช่วยหลีกทางให้หน่อย” เฉิงอี้เหิงพูดด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
เขาไม่ค่อยเรียกชื่อเต็มของลู่จยา จะมีก็แค่ตอนที่ร้อนรนมากๆ ถึงเรียกออกมาโดยไม่รู้ตัว
จือฮวาตกใจกับท่าทีของเฉิงอี้เหิงอย่างชัดเจนจึงรีบหลบทางให้ แล้วก็ได้แต่มองเฉิงอี้เหิงอุ้มลู่จยาเข้าไปในลิฟต์ตาปริบๆ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง โดยที่เฉิงอี้เหิงไม่มองจือฮวาเลยแม้แต่ปลายเล็บ
เพื่อนของจือฮวาซึ่งเดินออกจากลิฟต์มาด้วยกันอดใจไม่ไหวจึงอุทานขึ้น “ว้าว! หมอคนนั้นเท่มากอ่ะ อย่างกับกำลังเล่นละครอยู่เลย”
“เธออย่าเพิ่งไปหลงใหลเขานักเลย” จือฮวาพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงเชิงสั่งสอน “เมื่อกี้เธอไม่ได้ยินที่เขาเรียกคุณลู่หรือไง ‘ลู่จยา’ ช่วงนี้ชื่อนี้ดังมากนะ น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย ไม่งั้นฉันจะถ่ายรูปเก็บไว้เพราะยายลู่จยาคนนี้ร้ายกาจมาก”
“ลู่จยา…” เพื่อนของจือฮวาคิดอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา “…นักบิดสาวชื่อดังที่แข่งรถกันแล้วบาดเจ็บหนึ่งตายหนึ่งนั่นใช่ไหม”
“ใช่สิ ฉันยังเคยซื้อตั๋วเข้าไปดูการแข่งเลย แต่ไม่ได้เข้าไปเชียร์ยายนั่นหรอกนะ ฉันตั้งใจเข้าไปโห่เยาะเย้ยน่ะ” จือฮวาบอก
“ทำไมล่ะ”
“ฉันเป็นเพื่อนสมัยเรียนของฮว่าถิง และชื่นชอบเธอมาตลอด ‘ควีนออฟเดวิล’ น่ะ ไม่ว่ายังไงก็ควรจะเป็นฮว่าถิงเท่านั้น ไม่ใช่คนอย่างลู่จยา” จือฮวาว่า