‘ฉันคือเจ้าของกระทู้ ‘หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ’ ฉันเน้นย้ำไปไหนหลายครั้งแล้วนะว่าไม่อนุญาตให้แชร์ต่อ ตอนนี้คุณกำลังล้ำเส้นและละเมิดสิทธิของฉันอยู่ ฉันขอให้คุณลบโพสต์เวยป๋อที่เกี่ยวข้องออกทันที’
แล้วอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา ‘คุณจะยืนยันได้ยังไงว่าคุณคือเจ้าของกระทู้’
ลู่จยาถ่ายภาพหน้าจองานเขียนของกระทู้ส่งไปให้บล็อกเกอร์ แต่ฝ่ายนั้นกลับแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
จำนวนการแชร์ในเวยป๋อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนลู่จยาสบถออกมา “แอดมินตายกันไปหมดแล้วหรือไง!” เธอทุบกำแพงด้วยความโมโห
เฉิงอี้เหิงอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงของเธอจึงถามขึ้นด้วยความกังวลใจ “ลู่จยา คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ฉันไม่เป็นไร เดี๋ยวออกไปค่ะ”
ลู่จยาติดต่อกับแอดมินของเวยป๋อเพื่อแจ้งสถานการณ์ของตัวเองโดยแสดงหลักฐานแนบไปด้วย เธอว่าวิธีนี้จะใช้ลบโพสต์ในเวยป๋อทิ้งได้ เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยเธอก็ออกมาจากห้องน้ำ
อย่างไรซะตอนนี้เธอกำลังดินเนอร์ใต้แสงเทียนอยู่กับเฉิงอี้เหิงไปได้ครึ่งทางแล้ว ทั้งๆ ที่นี่เป็นการดินเนอร์ใต้แสงเทียนครั้งแรกของพวกเขาซึ่งมันควรจะโรแมนติกและมีความสุขแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นว่ากระทู้นั่นทำให้เธออารมณ์เสียซะได้
ลู่จยารู้สึกเศร้าหมองมาก
ทว่าก็ยังมีเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นรออยู่ข้างหลัง
หลังออกมาจากห้องน้ำลู่จยาก็นั่งลงแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ในตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอเห็นชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เธอก็เกือบจะสำลักไวน์แดงออกมา
‘เว่ยอิ้ง’
เธอจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่เกือบสิบวินาทีจนเฉิงอี้เหิงต้องเตือน “คุณไม่รับสายเหรอ”
ในสิบวินาทีนั้นลู่จยาคิดอะไรเยอะแยะมาก ทว่าเมื่อรับสายโทรศัพท์แล้วปฏิกิริยาของเว่ยอิ้งกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ เสียงของเว่ยอิ้งสดใสและฟังดูดีทีเดียว
“ฮัลโหลลู่จยา ฉันกลับมาแล้ว”
“อืม”
“ได้ยินว่าเธอเกิดอุบัติเหตุ ขอโทษด้วยที่ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมตั้งแต่แรก เธอก็รู้ว่าอยู่ที่ยุโรปแล้วมันรับรู้ข่าวในประเทศเราได้ช้ามาก”
ลู่จยาได้แต่กลอกตาอยู่ในใจก่อนบ่นออกไป “เราอยู่สโมสรเดียวกันนะ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้นายจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง”
เว่ยอิ้งแค่ไม่อยากจะติดต่อกับเธอ หรือไม่ก็กำลังพยายามกันตัวเองออกจากปัญหาเท่านั้นแหละ
“อา…” เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับอันแสนเย็นชาของลู่จยา เว่ยอิ้งจึงได้แค่ส่งเสียงตอบรับก่อนจะพูดต่อ “ลู่จยา เธอก็รู้ ฉันกับฮว่าถิงเป็นเพื่อนกัน เพื่อนสองคนมาเกิดอุบัติเหตุพร้อมกัน แล้วคนพวกนั้นก็พูดว่าเธอเป็น…คือไม่ใช่ว่าฉันไม่ใส่ใจเธอนะ แต่ตอนนั้นฉันอยู่ยุโรปแถมยังเป็นช่วงแข่งขันอีก สโมสรไม่ต้องการให้ฉันยุ่งเรื่องนี้…ตอนนั้นฉันก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้วถ้าเธอต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง หรือเป็นคนที่จะคอยช่วยเหลือเธอก็ได้”
ลู่จยาตอบกลับในใจ ถ้าฉันต้องการนาย นายจะยกตัวเองให้ฉันไหมล่ะ ตลกชะมัด
“อืม”
ปฏิกิริยาตอบกลับของลู่จยายังคงเย็นชาอยู่ทำให้บทสนทนาของทั้งคู่เป็นไปอย่างอึดอัด เว่ยอิ้งจึงเสนอขึ้นมาว่า “สุดสัปดาห์นี้ฉันนัดหมิ่นลู่ไว้ พวกเราสามคนไม่ได้เจอกันนานแล้ว เธอจะออกไปกินข้าวด้วยกันไหม”
“หมิ่นลู่ตกลงแล้วเหรอ” ลู่จยาถาม
“ตกลงแล้ว” เว่ยอิ้งตอบ