ความคิดเห็นนี้ไม่ได้ทำให้ลู่จยาสบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย ถึงความคิดเห็นนี้จะเรียกร้องไม่ให้ชาวเน็ตไปสืบหาตัวคุณหมอก็ตาม แต่ลู่จยายังกลัวว่าจะมีคนไปที่โรงพยาบาลเพื่อสืบหาตัวตนแท้จริงของเฉิงอี้เหิงจนส่งผลกระทบกับชีวิตการทำงานของเขาอยู่ดี
ที่ด้านล่างยังมีคนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีก
‘ฉันรู้สึกว่ากระทู้ที่เรียกร้องให้ไปสืบหาตัวตนที่แท้จริงของ ฉ. มันตลกจริงๆ ปกติถ้าไอดอลที่ตัวเองชอบถูกแอบถ่าย หรือถูกสตอล์กเกอร์ขึ้นมาก็จะพูดกันว่า ‘ออกห่างจากชีวิตของเขาสักนิด เข้าใกล้ผลงานของเขาอีกหน่อย’ แต่นี่ ฉ. เป็นคนธรรมดาแท้ๆ แถมยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลย ทำไมถึงพวกคุณจะต้องไปสืบหาด้วย แล้วต่อให้นี่เป็นกระทู้ของลู่จยาจริงๆ เธอถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะด้วยงั้นหรือ เธอก็แค่นักแข่งรถคนหนึ่งหรือเปล่า คงไม่จำเป็นจะต้องมาถูกคนวิจารณ์ตั้งแต่หัวจดเท้าแบบนี้มั้ง’
‘โอ้โห นักเขียนมือปืนที่ลู่จยาจ้างมาแสดงความคิดเห็นนี่โคตรหน้าไม่อายจริงๆ อ่ะ อะไรคือการบอกว่าชีวิตของเธอเปิดเผยไม่ได้ ฮว่าถิงตายยังไงพวกคุณลืมไปแล้วเหรอ ลู่จยาไม่ใช่บุคคลสาธารณะจริงดิ ก่อนหน้านี้แฟนคลับของเธอกับแฟนคลับของฮว่าถิงเพิ่งจะทะเลาะกันจนดูไม่จืด…’
อ่านความคิดเห็นพวกนี้แล้วลู่จยาก็รู้สึกเริ่มปวดหัวจึงเลือกจะปิดโทรศัพท์แล้วหนีไปนอนยันฟ้าสว่าง
ด้านเฉิงอี้เหิงที่อยู่ห้องข้างๆ ลู่จยาก็ได้รับอีเมลจากทนายส่วนตัว
‘เรื่องราวลุกลามไปไกลค่อนข้างควบคุมยาก แต่จ้างคนเข้าไปคุมสถานการณ์แล้วครับ อีกสักพักคงค่อยๆ สงบลง’
เฉิงอี้เหิงตอบกลับ
‘ครับ รบกวนด้วย’
สุดสัปดาห์มาถึงอย่างรวดเร็ว ตอนเช้าหมิ่นลู่บินกลับมาจากเมืองซานย่าพอลงจากเครื่องก็รีบมาหาลู่จยาทันที และเธอก็ได้เจอเข้ากับเฉิงอี้เหิงตรงประตูลิฟต์ของคอนโดฯ หมิ่นลู่ทักทายเฉิงอี้เหิงอย่างเปิดเผย “คุณหมอเฉิง เช้าขนาดนี้เพิ่งกลับมาหรือกำลังจะออกไปล่ะ”
“เพิ่งลงเวรครับ”
“อ้อ ฉันมาหาลู่จยาน่ะ คืนนี้เรามีกินข้าวกัน เว่ยอิ้งจะเป็นเจ้ามือคุณรู้แล้วใช่ไหม”
“เว่ยอิ้ง?” เฉิงอี้เหิงรู้เรื่องราวของเจ้าของชื่อคนนี้พอสมควร นั่นเพราะว่าฮว่าถิงเคยพูดถึงอยู่บ้าง และโชคดีที่เขากับฮว่าถิงเคยดูการแข่งขันของเว่ยอิ้งอยู่หลายครั้ง
“ใช่ ก็เว่ยอิ้งคนนั้นแหละ คุณน่าจะรู้สถานะของลู่จยาดีใช่ไหมล่ะ” หมิ่นลู่เอ่ยขึ้น
เฉิงอี้เหิงพยักหน้า “ครับ ผมเคยดูการแข่งขันของเธอแต่ไม่ค่อยได้ดูการแข่งของคุณเว่ยอิ้งเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้ว่าเขามีชื่อเสียง”
หมิ่นลู่เบะปาก “งั้นๆ แหละ”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์ แล้วจู่ๆ บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบจนอึดอัด หมิ่นลู่กระแอม “เอ่อ คุณหมอเฉิง ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ”
“เชิญครับ”
“คุณชอบลู่จยาหรือเปล่า”
“…” เฉิงอี้เหิงเงียบ แล้วในตอนนั้นเองประตูลิฟต์ก็เปิดออก ทั้งคู่ก้าวออกมาพบลู่จยาที่กำลังพยุงตัวด้วยไม้ค้ำยืนอยู่แถวหน้าลิฟต์
หมิ่นลู่ถามขึ้นด้วยความตกใจ “เธอมาอยู่นี่ได้ไง?!”
“ฉันจะลงไปซื้อนมเปรี้ยวข้างล่าง”
“ผมลงไปซื้อให้ดีกว่า” เฉิงอี้เหิงหันหลังเดินกลับเข้าไปในลิฟต์ “พวกคุณอยู่คุยกันไปก่อนนะ แล้วมื้อกลางวันอยากกินอะไรกันครับ ผมจะได้ซื้ออาหารเข้าด้วยเลย”
“อะไรก็ได้” ลู่จยาพูด
หมิ่นลู่ดึงชายเสื้อลู่จยา “เธอจะทำอะไร ฉันกะจะให้เขาทำอาหารให้กินสักหน่อย”
“อย่าไปแกล้งเขาสิ คุณหมอเฉิงเพิ่งลงเวรดึกกลับมา พวกเรากินอะไรง่ายๆ ก็พอแล้ว”