หมิ่นลู่ทำอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่เฉิงอี้เหิงกลับไม่ออกมารับประทานอาหารด้วย หลังจากที่ต้องขึ้นเวรดึกมาเขารู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ พอหัวถึงหมอนจึงหลับไปยันหกโมงเย็น ตื่นขึ้นมาเขาก็อาบน้ำ จัดข้าวของ แล้วทั้งสามคนก็ออกไปร้านอาหารตามที่นัดกับเว่ยอิ้งไว้
ก่อนจะออกมาจากคอนโดฯ เฉิงอี้เหิงกับลู่จยาก็ได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องของแต่ละคน ส่วนหมิ่นลู่นั่งรออยู่ตรงห้องรับแขก ขณะนั้นเองหมิ่นลู่ก็นึกถึงคำพูดของเว่ยอิ้งตอนที่ยังอยู่ยุโรปขึ้นมา ในตอนที่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับลู่จยาเธอก็ได้ติดต่อเว่ยอิ้งไป
เป็นเพราะเวลาที่แตกต่างกัน ดังนั้นกว่าหมิ่นลู่ที่ยังอยู่ในยุโรปจะได้ข่าวเรื่องลู่จยาเกิดอุบัติเหตุก็เป็นวันที่สองแล้ว ตอนนั้นเธอพยายามจะติดต่อลู่จยา แต่โทรศัพท์มือถือของลู่จยาพัง อีกทั้งตำรวจก็เก็บมันไว้เป็นหลักฐานด้วยทำให้เธอติดต่อลู่จยาไม่ได้ หมิ่นลู่รู้สึกร้อนรนเหมือนกับมดที่ตกลงไปอยู่ในหม้อร้อนๆ แล้วจู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เธอนึกถึงเว่ยอิ้งที่ยังอยู่ในยุโรปเช่นกันและเป็นคนในสโมสรเดียวกันกับลู่จยาด้วย เขาจะต้องมีวิธีที่จะติดต่อกับลู่จยาแน่นอน
ก่อนที่เว่ยอิ้งจะไปยุโรป เขาได้พยายามจะนัดเจอหมิ่นลู่อยู่หลายครั้งแต่โดนเธอปฏิเสธไปตลอด หมิ่นลู่รู้ว่าเว่ยอิ้งคิดอย่างไรกับตนเองมานานแล้วแต่เพราะใจของเธอมีคนอื่น และยังมีเรื่องของลู่จยาอีก หมิ่นลู่จึงไม่เคยคิดจะมองเว่ยอิ้งเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากเห็นเขาเป็นเพียงเพื่อนธรรมดาๆ เท่านั้น
ตอนที่เว่ยอิ้งรับสาย เขาเพิ่งจะจบการแข่งขันและทำผลงานได้ไม่เลว
หมิ่นลู่บอกเขาเรื่องที่ลู่จยาเกิดอุบัติเหตุ เว่ยอิ้งควรจะดีใจที่ได้รับโทรศัพท์จากหมิ่นลู่ แต่โทรศัพท์สายนี้กลับทำให้เขาดีใจไม่ออก
‘หมิ่นลู่ฉันรู้เรื่องที่เธอพูดแล้ว เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาพนักงานที่อยู่ที่นี่ก็เล่าให้ฟังหมดแล้ว’
‘งั้นนายก็รีบหาวิธีติดต่อลู่จยาสิ ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเธอ’
เว่ยอิ้งลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า ‘หมิ่นลู่ ตอนนี้อุบัติเหตุทำให้คนคนหนึ่งตายไป แล้ว ฮว่าถิง…คนที่ตายเป็นคนที่ฉันรู้จักด้วย ถ้าติดตามข่าวเธอก็ควรจะรู้ว่าฮว่าถิงเป็นนักแข่งรถที่ดีและมีความสามารถ ที่สำคัญคือเธอเป็นคู่แข่งขันในประเทศที่น่ากลัวของลู่จยา ดังนั้น…’
‘ดังนั้น…นายกำลังสงสัยลู่จยา?’ หมิ่นลู่อดที่จะต่อว่าออกไปไม่ได้ เธอกับลู่จยาโตมาด้วยกัน ลู่จยาต้องการชัยชนะและจะต้องเป็นชัยชนะที่ใสสะอาดมาตลอด ไม่มีทางเล่นลูกไม้อะไรแน่ๆ การที่เว่ยอิ้งสงสัยลู่จยาแบบนี้ทำให้เธอโกรธมาก
‘หมิ่นลู่อย่าเพิ่งโกรธนะ ฉันรู้ว่าเธอกับลู่จยาเป็นเหมือนพี่น้องที่ผูกพันกันมาก แต่เธอต้องมองเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม ฉันติดต่อเพื่อนๆ ในประเทศแล้วพวกเขาบอกว่าหลังเกิดอุบัติเหตุลู่จยาก็หมดสติถูกส่งไปโรงพยาบาลตอนนี้กำลังทำการรักษาอยู่ ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ฉันคิดว่าช่วงนี้พวกเราควรจะอยู่นิ่งๆ ไว้ก่อน รอจนกลับประเทศแล้วค่อยว่ากัน’
เว่ยอิ้งหว่านล้อมจนหมิ่นลู่เห็นด้วย ก่อนจะบินมาต่างประเทศเธอเองก็ทะเลาะกับลู่จยา แล้วตอนนี้ดันมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ตั้งแต่นาทีแรกที่รู้ข่าวเธอก็อยากจะติดต่อไปหาลู่จยา แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่ลู่จยาพูดกับเธอก่อนเดินทางมาที่นี่อารมณ์โกรธของหมิ่นลู่ก็กลับปะทุขึ้นมาอีก
อีกทั้งยังมีเรื่องงานที่ยุ่งมาก เธอยุ่งจนเมื่อกลับประเทศแล้วถึงได้มีเวลาคิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกรอบ
แต่ตอนนี้เมื่อย้อนคิดกลับไปหมิ่นลู่ก็รู้สึกผิดและเสียใจมาก ในขณะเดียวกันเธอก็ประหลาดใจด้วยที่ลู่จยาไม่ได้โกรธเคืองอะไรเธอเลย นั่นทำให้รู้สึกหวั่นใจและมีความไม่พอใจแอบซ่อนอยู่บ้าง หมิ่นลู่รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของตนกับลู่จยาไม่สามารถใช้คำว่า ‘เพื่อนรัก’ มาอธิบายได้ บางครั้งพวกเธอก็เป็นเพื่อนที่ผูกพันกันมานาน บางครั้งก็เป็นศัตรูกัน ทะเลาะกันบ้าง กอดกันบ้าง สงสารเห็นใจกัน แต่บางทีก็เกลียดอีกฝ่าย
พวกเธอมีชีวิตอยู่ในเลือดเนื้อของอีกฝ่าย เมื่อขาดอีกฝ่ายไปก็เหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง
และเพราะเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ ทำให้บางครั้งหมิ่นลู่รู้สึกว่าการคบกับลู่จยาเป็นสิ่งที่ยากลำบากมาก