With Love
ทดลองอ่าน หมอของฉันเหมือนจะชอบฉันนะ บทที่ 2-บทที่ 3
เมื่อทั้งสามคนมาถึงร้านอาหารเว่ยอิ้งก็รออยู่ตรงหน้าร้านแล้ว เว่ยอิ้งสวมชุดสูทยืนอยู่ที่หน้าประตูดูสะดุดตามากๆ ส่วนเฉิงอี้เหิงนั้นสวมชุดลำลองสบายๆ เขายังดูมีอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย
เว่ยอิ้งเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายหมิ่นลู่และลู่จยาอย่างกระตือรือร้น เมื่อเห็นเฉิงอี้เหิงที่ลงจากรถเป็นคนสุดท้ายเขาก็ทำราวกับว่าได้เจอเพื่อนรักอย่างไรอย่างนั้น เว่ยอิ้งทำท่าจะเดินเข้าไปโอบไหล่ของเฉิงอี้เหิงอย่างเป็นกันเอง แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ถึงได้รู้ว่าเฉิงอี้เหิงตัวสูงมาก ถึงเขาจะไม่ใช่คนที่เตี้ยอะไรแต่จะโอบไหล่เฉิงอี้เหิงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้ามองแยกกันใครๆ ก็จะต้องรู้สึกว่าเว่ยอิ้งที่อยู่ในชุดสูทย่อมดูดีกว่าเฉิงอี้เหิงแน่ๆ แต่เมื่อทั้งสองคนยืนคู่กันแล้ว หมิ่นลู่กับลู่จยาก็รำพึงรำพันขึ้นมาพร้อมกันว่า ‘ความสูงสยบได้ทุกสิ่ง’
เว่ยอิ้งจองห้องส่วนตัวในร้านอาหารญี่ปุ่นเอาไว้ แต่ตรงโถงกลางของร้านก็ยังมีลูกค้าอยู่
ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในร้านอาหารซึ่งมีบริกรพาพวกเขาเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัว แต่ระหว่างทางเฉิงอี้เหิงกลับขอตัวไปห้องน้ำและให้ทั้งสามคนเดินเข้าไปก่อน ขณะที่เดินผ่านโถงกลางลู่จยาก็รู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆ ที่มองมา
บริกรเดินค่อนข้างช้าเพราะสวมชุดกิโมโนกับรองเท้าเกี๊ยะอยู่ ทำให้ทั้งสามคนที่เดินตามหลังมาจึงต้องเดินช้าลงไปด้วย
ลู่จยาพูดคุยหยอกล้อกับหมิ่นลู่มาตลอดทางไม่ได้ระวังตัวอะไร เธอลืมที่จะสร้างเกราะป้องกันตัวเองไป ทำให้เมื่อเดินผ่านเข้ามาถึงโถงกลาง อยู่ๆ ก็มีผู้ชายซึ่งคล้องกล้องไว้ที่คอลุกขึ้นมาพูดด้วยเสียงดัง “คุณผู้หญิงผมสั้นคนนั้น คุณคือนักบิดที่ชื่อลู่จยาใช่ไหมครับ”
ได้ยินคนตะโกนเรียกชื่อตัวเองลู่จยาก็ยืนตัวแข็งทันที หมิ่นลู่ใช้มือจับไหล่ของลู่จยาไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะตอบคนที่มีกล้องคล้องคอออกไป “ไม่ใช่ค่ะ คุณจำคนผิดแล้ว”
“ไม่มีทาง!” ผู้ชายที่มีกล้องคนนั้นเดินผ่านโต๊ะของลูกค้าแล้วพุ่งมาตรงหน้าลู่จยา เขาจ้องหน้าของเธออย่างไร้มารยาท
ลู่จยาซุกหน้าเข้าไปในเสื้อแต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมเลิกรา ยื่นมือออกมาจะบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น
หมิ่นลู่ผลักเค้าออกไป “คุณจะทำอะไรน่ะ! ฉันจะแจ้งตำรวจ”
เว่ยอิ้งยืนอยู่หน้าหญิงสาวทั้งสองก็พูดขึ้น “ได้โปรดถอยออกไปเถอะครับ พวกเราแค่มารับประทานอาหาร”
ชายคนนั้นมองเห็นเว่ยอิ้งแล้วแสยะยิ้มออกมาทันที “ยังบอกว่าไม่ใช่ลู่จยาอีก โกหกเป็นตุเป็นตะจริงๆ ทุกคนมาดูสิ นี่คือเว่ยอิ้งกับลู่จยาที่เป็นคู่กันชัดๆ พวกดาวของสโมสรเดียวกัน เว่ยอิ้งอยู่ที่นี่แล้วแท้ๆ คนที่เหมือนกับลู่จยาจะไม่ใช่ลู่จยาได้ยังไง” เขาก้มมองไม้ค้ำยันของลู่จยาแล้วพูดต่ออีก “ขาที่บาดเจ็บของคุณยังไม่ดีขึ้นอีกหรือไง แต่ดูท่าว่าใกล้จะหายแล้วสินะ นี่คุณรู้ไหมฮว่าถิงน่ะไม่มีชีวิตแล้ว ถึงตอนนี้คุณเคยคิดจะออกมาขอโทษสักครั้งไหม”
“หุบปาก!” หมิ่นลู่ตะโกน “นายเป็นใครกัน ในร้านนี้จะไม่มีใครออกมาจัดการเลยหรือยังไง พวกเรามากินข้าวนะไม่ได้มาทะเลาะกับใคร”
ได้ยินแบบนั้นผู้จัดการก็รีบออกมาพร้อมกับบริกรอีกหลายคน พวกเขาช่วยกันดึงตัวชายที่มีกล้องออกไป ทั้งสามคนคิดว่าเหตุการณ์คงไม่มีอะไรแล้วจึงเดินต่อเพื่อไปยังห้องส่วนตัวของร้าน แต่ไม่คิดว่าชายคนนั้นจะสลัดพนักงานออกมาได้แล้วพุ่งออกมายกกล้องถ่ายรูปลู่จยาอย่างบ้าระห่ำโดยไม่สนอะไร
ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ ลู่จยาก็รู้สึกว่าเธอทนกับเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลชมามากพอแล้ว เธอรู้สึกรังเกียจพวกมันมาก เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกถ่ายรูปก็ยิ่งก้มหน้าลงเรื่อยๆ แต่แล้วคนที่นิ่งๆ ไม่ค่อยตอบโต้อะไรอย่างเธอกลับรู้สึกเดือดขึ้นมา ลู่จยายกไม้ค้ำขึ้นฟาดไปที่ผู้ชายคนนั้น
ไม้ค้ำฟาดเข้าที่คิ้วของชายเจ้าของกล้อง เขาเจ็บจนกัดฟันร้องซี้ดพลางยกมือขึ้นกุมคิ้วแล้วตะโกนเสียงดังออกมา “ลู่จยาฆาตกรฆ่าคน ทำร้ายคนอีกแล้ว! ลู่จยาฆาตกรฆ่าคน ทำร้ายคนอีกแล้ว!!”
ตั้งแต่แรกก็มีลูกค้าที่มารับประทานอาหารลุกขึ้นมาดูอยู่แล้ว มีหลายคนที่รู้เรื่องของลู่จยากับฮว่าถิงมาบ้าง ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรตอนนี้ก็ถูกชักนำจนเริ่มด่าทอลู่จยาตามคนอื่นๆ
“ทำไมถึงยังโอหังอย่างนี้!! เรื่องการตายของฮว่าถิงคุณไม่ควรขอโทษหรือไง”
“แล้วยังจะทำร้ายคนอีก! ดูท่าจะเป็นขาใหญ่สินะ”
“แจ้งตำรวจ! แจ้งตำรวจมาจับเธอไปเลย!”
“…”
ผู้คนล้อมวงเข้ามา หมิ่นลู่ดันลู่จยาไปทางด้านหลังพร้อมตะโกนอธิบายเสียงดัง “ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนค่ะ เพื่อนของฉันทนเสียงชัตเตอร์ไม่ได้ เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร พวกคุณก็เห็นอยู่ว่าผู้ชายคนนั้นเข้ามาหาเรื่องเราก่อน”
“แต่จะทำร้ายคนอื่นแบบนี้ก็ไม่ถูก!”
ถึงหมิ่นลู่จะพูดเก่งยังไง แต่ก็ไม่อาจสู้หลายสิบปากได้ ในสามสิบหกกลยุทธ์ของสามก๊ก หนีเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด หมิ่นลู่คิดจะพาลู่จยาหนีออกไปจากที่นี่ ทว่ากลับถูกฝูงชนที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธล้อมเอาไว้
“ทำร้ายคนแล้วคิดจะหนีเหรอ ไม่มีทาง!”
มีคนล้อมวงเพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ แม้กระทั่งลูกค้าที่อยู่ในห้องอาหารส่วนตัวก็ยังออกมาร่วมวงด้วย สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ ลู่จยา หมิ่นลู่ และเว่ยอิ้งถูกล้อมไว้ตรงกลาง ทั้งสามตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ไม่รู้ว่าใครผลักหมิ่นลู่จนล้มลงไปที่พื้น พอลู่จยาพยายามดึงตัวหมิ่นลู่ขึ้นก็ถูกผลักลงไปที่พื้นเช่นกัน ผู้คนยิ่งล้อมเข้ามา เว่ยอิ้งทีแรกคิดจะใช้กำลังปกป้องหญิงสาวทั้งสองแต่ตัวเองกลับถูกกระชากตัวเอาไว้จึงได้แต่ใช้กำลังที่มีอยู่ดันคนพวกนั้นออกไป เขาดึงตัวหมิ่นลู่ขึ้นมา ด้านหมิ่นลู่ที่ถูกผลักจนล้มลงไปทำให้รู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก ได้สติขึ้นมาอีกทีถึงรู้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางถนน สูดอากาศที่สดชื่นเข้าไปเต็มปอด มือของเธอถูกกุมเอาไว้แน่น และตรงหน้าของเธอก็คือเว่ยอิ้งที่ยืนหอบอยู่
“แล้วลู่จยาล่ะ!!” สมองของหมิ่นลู่ได้สติขึ้นมาก็ร้องถาม
เว่ยอิ้งหน้าตาซีดเผือดไปทันที “หา?! ผมไม่เห็นเธอเลย พอดีตอนนั้นมันวุ่นวายมากผมคิดแต่จะช่วยคุณไว้”
หมิ่นลู่โกรธจนตาแดงก่ำ “เว่ยอิ้ง นายยังเป็นคนอยู่อีกไหม?! ลู่จยาขาหักอยู่นะ โดนล้อมเอาไว้แบบนั้นจะเอาตัวรอดได้ยังไง”
พูดจบหมิ่นลู่ก็จะคิดกลับเข้าไปในร้านแต่กลับโดนเว่ยอิ้งขัดขวาง “คุณกลับเข้าไปไม่ได้ ในนั้นมันอันตรายมาก ผมไปเอง!”
หมิ่นลู่สะบัดมือเขาออก “นายรู้เหมือนกันเหรอว่ามันอันตราย แล้วนายไม่คิดว่าลู่จยาจะมีอันตรายเลยหรือไง”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 ก.พ. 64