เฉิงอี้เหิงใช้ปลายตะเกียบจิ้มไปที่แก้มของเธอก่อนจะตักข้าวชามที่สามส่งให้ “คุณเป็นคนป่วยคนสำคัญที่สุด แต่คุณจะกินข้าวชามที่สี่ไม่ได้แล้วนะ ผมไม่อยากจะเลี้ยงคุณให้เป็นจู๋เก้อจยาหรอกนะ”
“จู๋เก้อจยาอะไร”
พอเฉิงอี้เหิงออกเสียงคำว่า ‘จู๋เก้อจยา’ ทีละคำลู่จยาก็เข้าใจในทันที…ที่แท้เขากำลังว่าเธออ้วน เธอแทบจะโยนตะเกียบทิ้งทันทีแล้วลุกไปหยิบไม้ค้ำมาฟาดเขา
“ฉันยอมเป็นคนอ้วนที่มีความสุข”
“คนผอมก็มีความสุขได้ ทำไมถึงต้องเป็นคนอ้วนด้วย” เฉิงอี้เหิงถามอย่างไม่เข้าใจ
“คุณไม่ต้องมาสนใจ!” ลู่จยาเชิดหน้า ตอบกลับด้วยเสียงขึ้นจมูก
มื้อนี้ถือว่ากินอย่างมีความสุข หลังจากรับประทานอาหารเสร็จลู่จยาก็ลุกขึ้นช่วยเก็บโต๊ะและบอกว่าจะเป็นคนล้างจาน
เฉิงอี้เหิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เห็นด้วย
“จะให้ผมเลี้ยงดูคุณเฉยๆ คงไม่ดีใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยคุณทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ แบ่งเบาภาระบ้างก็ดี”
จนกระทั่งลู่จยาเก็บถ้วยชามเตรียมจะล้างจานถึงได้เห็นว่าคอนโดฯ ของเฉิงอี้เหิงมีเครื่องล้างจาน นั่นหมายความว่าเจ้าเครื่องน่ารังเกียจนี้ได้แย่งโอกาสเดียวที่เธอมีในการเป็นแม่บ้านไปเรียบร้อยแล้ว
ลู่จยาโมโหจนเกือบจะยกขาถีบเครื่องล้างจานแล้ว
แต่ก็พบความจริงที่แสนเศร้าว่าเธอไม่อาจจะยกขาขึ้นมาได้…
นี่ทำให้เธอเสียใจนัก
“เฉิงอี้เหิง!!” ลู่จยาตะโกนเสียงดังจากห้องครัว
เฉิงอี้เหิงรีบวิ่งเข้ามา “เป็นอะไร”
“คุณมีเครื่องล้างจานแล้วให้ฉันล้างจานอีกทำไม นี่แกล้งฉันใช่ไหม”
“คุณลู่จยา” เฉิงอี้เหิงยืนพิงกับขอบประตูห้องครัว ใช้นิ้วนวดขมับของตัวเอง “ผมจำได้ว่าคุณบาดเจ็บที่ขานะ ไม่ใช่ที่สมอง ถูกไหม”
“ถูกต้อง แล้วยังไงล่ะ” ลู่จยาไม่ยี่หระ
“ใครบอกว่ามีเครื่องล้างจานแล้วไม่ต้องล้างจานด้วยมืออีกล่ะ” เฉิงอี้เหิงพูดขึ้น
“แบบนี้…มันไม่เปลืองแรงรึไง”
“ก็ผมชอบให้คุณใช้แรงไงล่ะ” เฉิงอี้เหิงตอบกลับอย่างรวดเร็วซ้ำยังดูลำพองใจอีกด้วย
ท่าทางดูลำพองใจแบบนั้นของเขาดูน่ารักมากในสายตาของเธอ โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดคำว่า ‘ชอบ’ เธอได้ยินเข้าก็ใจเต้นรัวจนใบหูเริ่มร้อน
“คุณ…คุณอย่าเข้าใจผิดนะ” เฉิงอี้เหิงเห็นลู่จยาหน้าแดงจึงรีบอธิบาย
ลู่จยารู้สึกอายมากจึงได้ตะโกนกลับไป “ใครไปเข้าใจผิดล่ะ! ฉันแค่รู้สึกร้อนๆ คุณรีบออกไปเลย คุณชอบใช้แรง แต่ฉันไม่ได้ชอบ!”
แล้วเธอก็เอาชามใส่เข้าไปในเครื่องล้างจาน เรียงจนเรียบร้อยจากนั้นก็กดปุ่ม “นี่ถือว่าฉันล้างจานด้วยตัวเองแล้วนะ!”
เฉิงอี้เหิงส่ายหน้าพร้อมยกนิ้วโป้งให้เธอ “ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าผมสั่งอาหารมาก็ถือว่าผมทำอาหารเองสินะ?”
“ได้ยังไง?!”
“ก็ผมเป็นคนสั่งเองไงล่ะ”
“ไปตายซะ!” ในที่สุดลู่จยาก็ยกเท้าขึ้นแล้วสะบัดรองเท้าแตะออกไป
เฉิงอี้เหิงหลบอย่างว่องไว เขาเก็บรองเท้าแตะแล้วมาคุกเข่าช่วยเธอสวม ลู่จยาก้มหน้าลง เธอมองเห็นท้ายทอยของเฉิงอี้เหิงพลันนั้นก็รู้สึกว่าเขาน่ารักไปทั้งตัว แม้กระทั่งท้ายทอยก็ยังทำให้คนชอบได้
“ฉันอยากจะดูการแข่งขัน”
“งั้นผมดูเป็นเพื่อน ผมมีเวลาพอดี”
พวกเขาเปิดดูการแข่งขันรถเอฟวันชิงถ้วยที่ออสเตรเลีย นักแข่งที่อยู่ด้านหน้าควบคุมจังหวะไว้ได้เป็นอย่างดี การแข่งขันครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น นักแข่งรถโชว์ฝีมือกันได้อย่างยอดเยี่ยม เรียกได้ว่านี่เป็นการแข่งที่ทำให้คนดูตื่นเต้นมาก