ดูไปได้ครึ่งทางเฉิงอี้เหิงก็ลุกออกไปรับโทรศัพท์ เมื่อเดินกลับมาเขาก็พูดกับลู่จยาขึ้นว่า “คืนนี้ถ้าคุณยังมีแรงก็อุ่นกับข้าวกินเองนะ ถ้าไม่อยากอุ่นอาหารก็สั่งอาหารหรือออกไปหาอะไรกินข้างนอกก็ได้ พอดีทางโรงพยาบาลเพิ่งโทรมาบอกว่ามีเคสด่วน ผมต้องรีบกลับไป”
ลู่จยาที่ถือรีโมตอยู่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ไปเถอะๆ ฉันเข้าใจ ฉันโตขนาดนี้แล้วคุณไม่ต้องกังวลใจไปหรอก”
“คุณรู้ตัวด้วยเหรอว่าโตแล้ว เห็นยังทำตัวให้คนเขาเป็นห่วงทั้งวัน” ขณะที่พูดเฉิงอี้เหิงก็จ้องไปที่ดวงตาบวมๆ ของเธอ
ดวงตาของลู่จยาดีกว่าเมื่อวานมากแล้ว มองๆ ไปก็ให้ความรู้สึกเหมือนนัยน์ตาแมว
เธอโดนเขาจ้องขนาดนี้ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก “ไม่ต้องมองแล้ว”
เฉิงอี้เหิงบีบไหล่ลู่จยาแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าเกิดเรื่องแบบเมื่อวานขึ้นอีกแล้วผมไม่ได้อยู่ข้างๆ คุณ คุณจะต้องยอมไว้ก่อน ไม่ว่ายังไงชีวิตก็สำคัญกว่าอย่างอื่นเข้าใจไหม”
ลู่จยาพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
เฉิงอี้เหิงกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแล้วรีบออกจากบ้านไป หัวใจของลู่จยารู้สึกหนักอึ้งตามเสียงประตูที่ปิดลง เธอตบไปที่หัวของตัวเองเบาๆ สงสัยช่วงนี้ตัวเองว่างมากเกินไปถึงได้มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน
ลู่จยาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว ทีแรกเธอคิดจะตรวจสอบสาเหตุการตายของฮว่าถิง แต่ไม่คิดว่าจะยุ่งวุ่นวายจนลืมไปสนิท
เธอคิดว่านายตำรวจเหลิ่งอุตส่าห์รับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะก็คงจะตรวจสอบคดีจนรู้ความจริง ทว่าเวลาก็ผ่านมาสักพักแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเอ้อระเหยและหายตัวไป เหลือทิ้งไว้แค่ช่องทางการติดต่อเท่านั้น แต่ก็ไม่เคยติดต่อกลับมาหาเธออีกเลย
ในเมื่อนายตำรวจเหลิ่งไม่มาหาเธอ เธอก็จะไปทักทายนายตำรวจเหลิ่งเอง
ลู่จยาจองรถจากทางอินเตอร์เน็ต เดินทางตรงไปยังสถานีตำรวจที่นายตำรวจเหลิ่งประจำอยู่ หลังลงจากรถเธอก็ใช้ไม้ค้ำพยุงตัวขึ้นบันไดไป ตรงหน้าประตูมีป้ายแขวนไว้ว่า ‘หน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน’
เจ้าหน้าที่สวมปลอกแขนสีแดงหลายคนเห็นเธอก็รีบเข้ามาช่วยพยุง “คุณผู้หญิงมาดำเนินเรื่องหรือว่ามาแจ้งความ เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกแบบนี้ให้เราประคองคุณไปดีกว่า คุณต้องการพบตำรวจคนไหน”
“นายตำรวจเหลิ่ง”
“พอดีเลย ที่นี่มีนายตำรวจชื่อเหลิ่ง เราจะพาคุณไปพบเขาเอง”
ลู่จยาตกใจที่เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแตกต่างกับคราวที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
จากการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่สองคนในหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนทำให้ลู่จยาตามหานายตำรวจเหลิ่งได้สำเร็จ
นายตำรวจเหลิ่งจำลู่จยาได้ทันที เขายังคงมีท่าทีรู้สึกผิดเหมือนเคย “คุณลู่ พวกเรากำลังตรวจสอบคดีของคุณกันอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้คดีมีเยอะมากจริงๆ เลยช้ากว่าที่ควร”
“นายตำรวจเหลิ่งคุณควรเอาใจใส่คดีกว่านี้หน่อยนะคะ ถ้ายังยืดเยื้อแบบนี้ฉันจะต้องทนรับคำด่าไปอีกนานแค่ไหน แล้วนี่มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม” ลู่จยาสอบถาม