ขณะที่เลี่ยวจิ้งชูต้องคาดเดาอยู่นั้น ขันทีผู้นั้นก็หันหน้าไปทางทิศใต้และยืนมั่น ปากก็ส่งเสียงร้องขึ้น
“เจิ้นกั๋วกงต่งจี้เหลียงรับพระราชโองการ!”
“กระหม่อมต่งจี้เหลียงน้อมถวายพระพร ขอทรงพระเกษมสำราญ!”
“กระหม่อมต่งเหรินน้อมถวายพระพร ขอทรงพระเกษมสำราญ”
อ้อ ที่แท้ก็เป็นพ่อสามีกับพี่สามี เห็นทั้งสองคนคุกเข่าลงรับพระราชโองการ ไม่ต้องคาดเดาต่อ เลี่ยวจิ้งชูก็รู้แล้ว
“ต่งหลวนซื่อภรรยาต่งอ้ายบุตรชายผู้วายชนม์ของเจิ้นกั๋วกงรับพระราชโองการ!”
เลี่ยวจิ้งชูกำลังลอบมองประเมินพ่อสามีผู้มีสง่าน่าเกรงขามผู้นี้ของตน ขันทีก็ส่งเสียงเรียกขึ้นมา นางที่มาจากยุคปัจจุบันถึงกับไม่ได้คิดว่านางก็คือ ‘ต่งหลวนซื่อ’ ผู้นั้น เห็นนางไม่ขยับ ฝูหรงร้อนใจเอาแต่ดึงเสื้อนางภายใต้ความงุนงง เลี่ยวจิ้งชูก็มีอาการตอบสนองที่ว่องไวมากพอ วาดกระบวยตามรูปน้ำเต้าขานตอบเสียงดัง
“หม่อมฉันต่งหลวนซื่อน้อมถวายพระพร ขอทรงพระเกษมสำราญ!”
ได้ยินเสียงใสกังวานของนาง ดวงตาของต่งเหรินเปล่งประกายวาบขึ้น เงยหน้ามองมาทางด้านในม่าน
รับรู้ได้ถึงความร้อนแรงแผดเผาที่พุ่งเข้ามา เลี่ยวจิ้งชูจึงลอบชำเลืองตามองกลับไป ก็สบเข้าดวงตารูปดอกท้อที่ทอประกายปรารถนาออกมาอย่างเปิดเผยไม่ปิดบัง ร่างพลันสะท้านเฮือก เลี่ยวจิ้งชูรีบเบนสายตาหลบ ในใจรู้สึกเย็นยะเยือก
เขายังเป็นคนอยู่หรือ!
ต่งอ้ายก็นอนอยู่ที่ด้านหลังข้า ศพยังไม่ทันเย็น เขาก็ห่วงพะวงถึงภรรยาผู้อื่นแล้ว
ขณะคิดอะไรสับสนวุ่นวายอยู่นั้น ขันทีผู้นั้นก็คลี่พระราชโองการออกแล้วอ่านเสียงดังออกมา
“ฮ่องเต้ผู้รับบัญชาจากสวรรค์มีพระราชโองการ ต่งอ้ายบุตรชายผู้วายชนม์ของเจิ้นกั๋วกง”
ภาษาโบราณเต็มฉบับ เลี่ยวจิ้งชูฟังจนวิงเวียนมึนงง อ่านมาถึงตอนท้ายเพียงฟังเข้าใจว่าต่งอ้ายได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์หลังจากเสียชีวิตเป็น ‘อู่ผิงโหว’ และพระราชทานเสื้อผ้าที่จะสวมให้ศพและการแสดงในงานพิธี ส่วนหลวนอวิ๋นชูเนื่องจากอุปนิสัยแข็งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรี สติปัญญาเฉลียวฉลาด ได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นนายหญิงตราตั้งขั้นสี่ หลังจากครบรอบสี่สิบเก้าวันออกทุกข์แล้วให้นางเข้าวังไปขอบพระทัยในพระกรุณา
ภายใต้สายตาที่มองมาด้วยความริษยาและเสียงทอดถอนใจ เลี่ยวจิ้งชูโขกศีรษะขอบพระทัยไปตามเจิ้นกั๋วกง ขันทีผู้นั้นก็เก็บพระราชโองการ เดินเข้ามากล่าวคำไว้อาลัยต่งอ้าย
ส่งขันทีผู้อัญเชิญพระราชโองการออกไปแล้ว เหล่าเด็กรับใช้ก็เดินตามหลังไปแขวนผ้าแพรกลับขึ้นไปใหม่อีกครั้ง
เห็นเลี่ยวจิ้งชูมองประตูเหม่อลอย หญิงสูงวัยผู้ควบคุมพิธีการได้เอ่ยเตือนเบาๆ “สะใภ้สี่ ท่านควรร้องไห้แล้ว”