บทที่สอง
นายหญิงใหญ่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มุ่นหัวคิ้ว เผยสีหน้าไม่ค่อยพอใจออกมาเล็กน้อย
“อวิ๋นชูยังคงเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่เล็กก็ไม่ชอบดื่มยาต้ม ทุกครั้งพอไม่สบาย พ่อของเจ้าต้องรับปากพาเจ้าไปเที่ยวเล่นที่สำนักศึกษาหลวง เจ้าจึงจะยอมดื่มยา ตอนนี้สูญเสียความทรงจำแล้ว แต่ความเคยชินเหล่านี้กลับยังไม่ลืม” เห็นนายหญิงใหญ่ขมวดคิ้ว ท่านน้าหลวนก็ทอดถอนใจแล้วกล่าวขึ้น จากนั้นก็เบนหัวข้อสนทนา “เจ้าออกเรือนแล้ว ไม่อาจใช้อารมณ์แบบเด็กๆ อีก ถ้าแม่สามีไม่พอใจ…”
ท่านน้าหลวนพูดไป หยาดน้ำตาก็ร่วงลงมา
เลี่ยวจิ้งชูรับถ้วยยามาแต่โดยดี
เพิ่งจะบ้วนปากเสร็จ ก็มีหญิงรับใช้สูงวัยเข้ามารายงาน “คนในห้องโถงที่ตั้งศพฝากคำพูดมาบอกว่าจะทำพิธีบรรจุศพลงโลง ให้สะใภ้สี่ไปร้องไห้ไว้อาลัย”
“อะไรนะ ทำพิธีบรรจุศพลงโลง?!”
“เมื่อวานเพิ่งทำพิธีสวมชุด เหตุใดวันนี้ก็ทำพิธีบรรจุศพลงโลงแล้วเล่า”
นายหญิงใหญ่กับท่านน้าหลวนต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน
หญิงรับใช้สูงวัยผู้นั้นคุกเข่าดังตึง โขกศีรษะแล้วบอก “บ่าวก็ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ ได้ยินหมอดูบอก คุณชายสี่ยังไม่ทันเข้าพิธีสวมหมวก* ตายตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่อาจประกอบพิธีศพตามประเพณีปกติได้เจ้าค่ะ”
“อ้ายเอ๋อร์ของแม่!” นายหญิงใหญ่กรีดร้องออกมาคำหนึ่ง น้ำตาไหลพร่างพรมดุจสายฝน เห็นนายหญิงใหญ่ร่ำไห้ ทุกคนก็พลอยโหยไห้ตาม ในห้องเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญขึ้นมาทันที
ผ่านไปพักใหญ่จางหมัวมัวก็เช็ดน้ำตา เดินเข้ามากล่าวปลอบ
“นายหญิงใหญ่โปรดระงับความเศร้าโศกด้วย ท่านเอาแต่ร้องไห้อยู่เช่นนี้ ดวงวิญญาณคุณชายสี่บนสวรรค์ก็ยากจะสงบใจลงได้ ท่านให้คุณชายสี่จากไปอย่างสบายใจเถิดเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่เสียใจ เขาเกิดมาเพื่อจะคิดบัญชี มาตามทวงหนี้ข้า สิบเจ็ดปีมานี้ มีวันใดบ้างที่ทำให้ข้าสบายใจ” หยุดน้ำตาไว้ได้ นายหญิงใหญ่ก็กัดฟันขาวซี่เล็กไว้แน่น “ไปอย่างหมดจดเช่นนี้ก็ดีแล้ว!” แล้วสั่งการ “ไปถ่ายทอดคำพูด สะใภ้สี่จะไปเดี๋ยวนี้”
มีหญิงรับใช้สูงวัยช่วยนำทาง เลี่ยวจิ้งชูค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปในห้องโถงพิธี เพียงเห็นผ้าแพรยาวสีขาวเป็นผืนๆ ห้อยเรียงรายล้อมรอบอยู่ แบ่งห้องโถงใหญ่ออกเป็นสองด้าน โดยมีทางเดินอยู่ตรงกลาง ด้านขวามีภิกษุหลายสิบรูป สองมือพนมส่งเสียงสวดมนต์ให้ดวงวิญญาณผู้วายชนม์ ด้านซ้ายเป็นแขกที่มาร่วมพิธี สุดปลายทางเดินก็คือที่ตั้งศพ มีผ้าม่านบางกั้นอยู่ชั้นหนึ่ง มองไปเห็นสมาชิกในครอบครัวที่เป็นหญิงคุกเข่าอยู่กลุ่มหนึ่ง มีหญิงรับใช้สูงวัยกลุ่มหนึ่งส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญราวกับร้องเพลงดังแว่วออกมาประหนึ่งผีสำลัก…
“สะใภ้สี่มาถึงแล้ว!”
พร้อมกับเสียงร้องตะโกนที่ดังขึ้น เสียงอึงอลในห้องโถงพลันหยุดลง แม้แต่เสียงร้องไห้คร่ำครวญราวกับร้องเพลงก็หยุดลงด้วย เสียงสวดมนต์เบาๆ ของเหล่าภิกษุดังชัดเจนขึ้นมาทันที สายตานับสิบนับร้อยคู่จับนิ่งมาที่ร่างของเลี่ยวจิ้งชู