เบื้องหน้าของทุกคนพลันสว่างวาบ ถึงกับเป็นตุ๊กตาขนาดราวสามชุ่น แปดตัวแลเหลืองอร่ามพร่างพราวระยิบระยับ รูปร่างสมส่วน ใบหน้าอวบอิ่มสดใส สวมกระโปรงยาว คลุมไหล่ด้วยผ้าคลุมลายเมฆมงคลสมปรารถนา ต่างถือเครื่องดนตรีคนละชิ้น บ้างถือขลุ่ย บ้างถือเจิง บ้างถือกลอง บ้างถือผีผา คล้ายกำลังบรรเลงดนตรี สีหน้าท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียวราวกับมีชีวิต…
“สวรรค์ นี่เป็นหยกมันไก่หยกสีเหลืองชั้นเลิศ เครื่องดนตรีแปดชนิดรวมอยู่ด้วยกัน ไม่พูดถึงฝีมือการแกะสลัก ลำพังหยกอย่างเดียวก็มูลค่าควรเมืองแล้วเจ้าค่ะ” เหยาหลันรับตุ๊กตาหยกจากมือนายหญิงใหญ่มาอย่างระมัดระวัง สองตาเปล่งประกายวิบวับ “หรือว่านี่ก็คือตุ๊กตาหยกเหลืองที่เล่าขานกัน” เห็นต่งกั๋วกงพยักหน้า เหยาหลันก็ทอดถอนใจแล้วว่า “ตุ๊กตาหยกเหลืองเป็นผลงานชิ้นเอกของฉวีฝูจื่อปรมาจารย์เครื่องหยก ได้ยินว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลของแคว้นหลี กระทั่งฝ่าบาทองค์ปัจจุบันก็ไม่แน่ว่าจะเคยเห็น”
พลันนึกอะไรขึ้นได้ เสียงของเหยาหลันขาดห้วนหายไปอย่างฉับพลัน
ถึงกับเป็นสมบัติล้ำค่าของบ้านเมือง
ใครกันมือเติบถึงเพียงนี้
มอบของขวัญให้ผู้อื่นย่อมต้องมีเรื่องขอร้อง คนผู้นี้คิดจะขอให้ต่งกั๋วกงทำอะไรหรือ รับตุ๊กตาหยกมา แม้จะไม่มีความรู้เรื่องหยก แต่ดูจากสีสันความแวววาวและความนวลเนียนยามสัมผัส หลวนอวิ๋นชูก็รู้แล้วว่าที่เหยาหลันพูดไม่ใช่เรื่องเท็จ
มีคำกล่าวว่าคนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก มือนางแม้ประคองตุ๊กตาหยก แต่ไม่มีความตื่นเต้นดีใจเหมือนเหยาหลันกับต่งกั๋วกง ในใจของหลวนอวิ๋นชูเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีขึ้นมารำไร
ได้ยินทุกคนวิจารณ์ดวงตาของนายหญิงใหญ่ก็เปล่งประกายขึ้นมา
“ของล้ำค่าเช่นนี้ นายท่านไปได้มาจากที่ใด”
ตุ๊กตาหยกกลับไปอยู่ในมือต่งกั๋วกงอีกครั้ง เขาพลิกดูไปมา ท่าทางชื่นชอบไม่ยอมวางมือ
“ปรมาจารย์ฉวีฝีมือสมคำเล่าลือ ดีที่เหิงจวินมีวิธีการ!”
เหิงจวินคือใคร
ในดวงตาของหลวนอวิ๋นชูปรากฏแววฉงนใจ
นายหญิงใหญ่กลับย่นคิ้ว “เป็นคุณชายเจียงอีกแล้ว! ก็ว่าสิ เขาเป็นคนต่ำช้าที่ชอบฉกฉวยโอกาสเพื่อประโยชน์ส่วนตนคนหนึ่ง…” เสียงขาดห้วนหายไปอย่างฉับพลัน นายหญิงใหญ่กวาดตามองมาที่หลวนอวิ๋นชูกับเหยาหลัน “สายแล้ว พวกเจ้าไปพักผ่อนเถิด”
คิดจะผูกไมตรีกับผู้ใหญ่ คิดจะซื้อสมัครพรรคพวกเป็นของตนเอง คิดจะออกจากจวนไปดำรงชีวิต ทั้งหมดนี้ล้วนหนีไม่พ้นเงิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าไม่อาจปรากฏตัวออกไปทำงานได้ นางในเวลานี้นอกจากท่องเพลงตำรายาจีนได้ไม่กี่บทแล้ว ก็ไม่มีข้อดีอะไรอีก เกรงว่าต่อให้ไปขายศิลปะที่สำนักนางโลมก็ต้องถูกปฏิเสธ ทั้งไม่มีการสนับสนุนจากบ้านเดิม นางจะไปหาเงินได้จากไหน
ครั้นแล้วหลวนอวิ๋นชูก็ทุ่มความสนใจมาที่สิ่งของบนชั้นวาง มีเครื่องหยกของโบราณมากมายเพียงนี้ น่าจะเอาไปแลกเป็นเงินมาได้บ้าง นางยื่นมือไปหยิบแจกันสองหูมาใบหนึ่งพลางครุ่นคิดด้วยความตื่นเต้นดีใจ
หลวนอวิ๋นชูไม่ใช่คนมีความรู้เรื่องเครื่องหยกของโบราณ ถือแจกันสองหูสีเหลืองเจือประกายขาวใบหนึ่ง พลิกไปพลิกมาดูอยู่เป็นนานก็ยังมองอะไรไม่ออก