คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินคนเอ่ยถึงว่าเรือนที่นางอยู่คือเรือนลู่ย่วน หลวนอวิ๋นชูแอบเดาว่าตัวอักษรสองตัวนั้นน่าจะเป็นคำว่า ‘ลู่ย่วน’ นางไม่ได้จ้องมองนานนัก สายตาละลงมา ปากประตูซ้ายขวาวางแจกันลายครามท้องกลมคอแคบสูงราวครึ่งจั้งคู่หนึ่งไว้อย่างได้สัดส่วนกัน คิดว่าคงต้องการความหมายให้อยู่เย็นเป็นสุข เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียด บนแจกันมีลวดลายทัศนียภาพของภูเขาสายน้ำ มีบทกวีเขียนกำกับอยู่ คิดว่าคงจะเป็นบทกวีเกี่ยวกับน้ำกระมัง
เสียดาย หลวนอวิ๋นชูอ่านไม่ออกแม้แต่ตัวเดียวจึงอดย่นคิ้วไม่ได้ ควรต้องคิดหาหนทางเรียนรู้ตัวอักษรได้แล้ว เพียงแต่ให้ใครสอนจึงจะเหมาะสม
หลวนอวิ๋นชูมองไปที่สาวใช้หลายคน
ว่ากันตามเหตุผล คนสูญเสียความทรงจำ ความเคยชินที่ติดตัวมาแต่เกิดจะไม่เปลี่ยน แต่นางไม่ได้สูญเสียความทรงจำ คำพูดการกระทำอากัปกิริยาย่อมแตกต่างจากบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคมาก นางในฐานะคนยุคหลังยิ่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมในสมัยโบราณแม้แต่น้อย หลายวันมานี้แม้จะระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ลอกเลียนแบบไปเสียทุกเรื่อง แต่ยังคงเผยพิรุธออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มารดาก็เคยตักเตือนชี้แนะ บอกว่าหากแม้แต่ตัวหนังสือนางก็ลืมไปแล้ว เกรงว่าคงจะถูกเข้าใจว่ามีปีศาจร้ายสิงร่างอยู่เป็นแน่
เห็นหลวนอวิ๋นชูมองมาที่ตนคล้ายคิดอะไรอยู่ในใจ ฝูหรงก็ส่งเสียงร้องเรียกเบาๆ
“สะใภ้สี่…”
หลวนอวิ๋นชูพลันได้สติกลับคืนมา และเบนสายตากลับไปที่ป้ายเหนือประตู
“ ‘ลู่’ มีความหมายของน้ำอยู่จริง ชื่อนี้นายท่านก็เป็นคนตั้งหรือ”
ไม่รอให้ฝูหรงเอ่ยปาก สี่จวี๋ก็พูดขึ้น
“เดิมนายท่านตั้งคำว่า ‘เฉียนเอาความหมาย ‘เฉียนหลง’ มาจากคัมภีร์อี้จิง ตัวอักษรคำว่าเฉียนก็มีตัวอักษรที่หมายถึงน้ำอยู่ด้วย ชดเชยดวงชะตาที่ขาดน้ำของคุณชายสี่ได้พอดี แต่คุณชายสี่ไม่ชอบ บอกคำว่าเฉียนอุปมาเหมือนซ่อนตัวอยู่ในบ่อลึก ทำให้ถูกตัวอักษรตัวนี้กดทับไว้ ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปาก…จึงดึงดันที่จะเปลี่ยนเป็นคำว่า ‘ลู่’ ในความหมายที่ว่าน้ำค้างรวมตัวกลายเป็นเมฆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นฝน น้ำค้างรวมตัวกันเป็นน้ำค้างแข็ง”
เรือนลู่ย่วนก็เหมือนกับน้ำค้างยามเช้า ไม่คงทนยาวนาน ต่งอ้าย ตอนนั้นที่ท่านตั้งชื่อนี้เพียงเพราะอยากจะโดดเด่นกว่าคนอื่น แต่เคยคิดหรือไม่ ชีวิตของท่านก็คล้ายกับน้ำค้างยามเช้า วันเวลาที่เหลืออยู่ไม่ยาวนานแล้ว
สายตาระผ่านกระเบื้องเคลือบงามหรูหราบนระเบียง หลวนอวิ๋นชูปลงอนิจจังไปร้อยแปดอย่าง
ตรงสุดปลายระเบียงทางเดินมีประตูที่ทะลุไปสู่ลานด้านหลัง ซิ่วเอ๋อร์สาวเท้าเร็วๆ ขึ้นมาเปิดประตูให้หลวนอวิ๋นชู ภาพเบื้องหน้านางพลันสว่างจ้า ไกลออกไปมีสระน้ำลึกที่น้ำเป็นสีเขียวใสแห่งหนึ่ง ข้างสระน้ำเป็นป่าไผ่ผืนหนึ่ง ทางใต้อากาศอบอุ่นเร็ว แม้จะเพิ่งย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่เมื่อทอดสายตามองไปไกลๆ ก็จะเห็นความเขียวขจีไปทั้งผืน ฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนสองต้นหญ้าที่เพิ่งผลิใบออกมากับสายน้ำล้วนมีสีเขียวเหมือนกัน