บทที่สี่
แล้วก็มีสาวใช้รุ่นเล็กมารายงาน “สะใภ้ใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ”
นายหญิงใหญ่หัวเราะออกมา “บ่นถึงไม่ได้เลยจริงๆ เพิ่งจะพูดถึงนาง นางก็มาแล้ว” แล้วหันไปบอกสาวใช้รุ่นเล็ก “รีบเชิญเข้ามา”
เหยาหลันเห็นหลวนอวิ๋นชูนั่งอยู่บนเตียงเตาพูดคุยกับนายหญิงใหญ่อย่างสนิทสนม ส่วนลึกในดวงตาพลันมีประกายอำมหิตพาดผ่านจางๆ นางรับจานใส่ส้มสีทองลูกขนาดไข่นกพิราบจากมืออิ๋งชุนแล้วยื่นส่งขึ้นมา “นายหญิงใหญ่ลองชิมดูเจ้าค่ะ ข้าหลวงเมืองไถโจวนำติดไม้ติดมือมาฝากท่านแม่ของสะใภ้” แล้วกล่าวเสริมอีก “เห็นบอกว่าตั้งใจปลูกไว้ในกระถางในห้อง”
“อืม…มีรสชาติดีจริงๆ เคยได้ยินมานานแล้วว่ามีคนปลูกส้มไว้ในกระถางดอกไม้ เลี้ยงไว้ในห้อง ฤดูหนาวก็กินผลได้ ถึงกับเป็นเรื่องจริง” กินไปลูกหนึ่งนายหญิงใหญ่ก็ผงกศีรษะติดๆ กัน “เรื่องที่ห้องโถงตั้งศพจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ รื้อถอนหมดแล้ว” เหยาหลันตอบรับ “ของใช้ต่างๆ ก็ตรวจนับเก็บแล้ว เพียงขาดจอกสุราทองสำริดรูปแพะสี่ตัว ไปคู่หนึ่ง สะใภ้สั่งให้คนตรวจสอบอยู่เจ้าค่ะ” นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สิ่งของเซ่นไหว้ยังต้องตรวจสอบอย่างละเอียด พ่อบ้านเฮ่อเฝ้าดูอยู่ที่นั่น”
“ตรวจไม่พบก็ช่างเถิด เป็นเงินไม่เท่าไร เอะอะจนวุ่นวายโกลาหลไปก็ไม่ดี”
“สะใภ้ก็คิดเช่นนั้น แต่จอกสุราทองสำริดรูปแพะสี่ตัวคู่นั้นเป็นของล้ำค่าที่แคว้นหลีมอบให้ ตอนแม่ทัพสวินมาทำพิธีไว้อาลัย นายท่านสั่งคนไปหาออกมาเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่าจะหายไปเสียได้ สะใภ้เพียงให้คนแอบตรวจสอบดูเงียบๆ ไม่ได้แพร่งพรายออกไป”
นายหญิงใหญ่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก เหยาหลันจึงพูดต่อ
“เปิดคลังใหญ่ครั้งนี้ สะใภ้พบว่ามีผ้าแพรต่วนชั้นหนึ่งอยู่หลายพับ ใกล้จะเปลี่ยนฤดูแล้ว คุณหนูทั้งหลายถอดชุดไว้ทุกข์แล้ว ก็สมควรเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ สะใภ้คิดจะถือโอกาสนี้เอาออกมาจำนวนหนึ่งให้คุณหนูทั้งหลายใช้ ท่านว่า…”
“เรื่องพวกนี้เจ้าจัดการไปตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด เพียงอย่าให้พวกนางไม่ได้รับความเป็นธรรม” นายหญิงใหญ่รับผ้าเช็ดหน้าที่สี่เหมยยื่นส่งให้แล้วเช็ดมือ “จริงสิ เรื่องซื้อบ่าวไพร่เป็นอย่างไรบ้าง”
“สะใภ้บอกหลี่มามา ไปหลายวันแล้ว คนที่น้องสาวต้องการมีจำนวนมาก ไม่อาจรวบรวมได้ครบในเวลาอันสั้น เห็นบอกให้รออีกสองวัน” เหยาหลันเอาส้มที่ปอกเปลือกแล้ววางลงในจานลายครามเล็กตรงหน้านายหญิงใหญ่ มองหลวนอวิ๋นชูด้วยสีหน้ายิ้มๆ “นายหญิงใหญ่โปรดปรานน้องสาวจนเข้ากระดูกแล้ว เพียงเรื่องสี่หลัน ตอนคุณชายใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถูกตาต้องใจนางเช่นกัน สะใภ้หน้าหนามาขอตั้งหลายครั้ง นายหญิงใหญ่ก็ไม่อาจตัดใจ”
สี่จวี๋สี่หลันเป็นคนที่ถูกส่งไปคอยเป็นหูเป็นตา ความนัยเรื่องนี้ไม่ว่าใครก็มองออก เหยาหลันกลับเอามาใช้ประโยชน์ในการประจบประแจง หลวนอวิ๋นชูเพียงยิ้มๆ ครั้งนี้นางต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างพูดอะไรไม่ออกอยู่แล้ว
ไม่ผิดจากที่คิด นายหญิงใหญ่ยิ้มหน้าบาน “เด็กสองคนนี้ข้าเลี้ยงโตมากับมือ ถ้าไม่ใช่รักและเอ็นดูอวิ๋นชู ข้าก็ไม่อาจตัดใจได้จริงๆ”
เหยาหลันพูดอย่างคล้อยตามสถานการณ์ “ถือโอกาสที่นายหญิงใหญ่อารมณ์ดี วันนี้สะใภ้จะมาขอความเมตตา” นางนึกถึงท่านน้าหลวนที่กำชับแล้วกำชับอีกให้หาคนที่เหมาะสมแต่งหลิ่วเอ๋อร์และอิงเอ๋อร์ออกไป เหยาหลันมองไปที่หลวนอวิ๋นชูแวบหนึ่งคล้ายคิดอะไรอยู่ในใจ “สะใภ้หาคนที่เหมาะสมให้อิงเอ๋อร์ได้แล้ว เพียงรอหลังออกทุกข์สี่สิบเก้าวันก็แต่งออกไปได้ แต่นางเป็นตายก็จะครองพรหมจรรย์เพื่อคุณชายสี่” นางทอดถอนใจออกมาคำหนึ่ง “สะใภ้ก็เป็นคนใจอ่อน นึกถึงว่าอีกไม่นานก็จะทำศึกสงครามแล้ว ทุกหนแห่งต่างกำลังเกณฑ์ทหาร รีบร้อนแต่งออกไปไม่สู้อยู่ในจวนอย่างสงบสุข นายหญิงใหญ่ท่านว่า…”