หลังจากเจียงเสียนออกจากแคว้นหลีมา ฮ่องเต้แคว้นหลีถึงกับส่งกำลังคนสิบกว่าสายมาตามไล่ล่าสังหารเขา ดูจากเรื่องนี้ก็รู้ถึงความหวาดกลัวที่ฮ่องเต้แคว้นหลีมีต่อเจียงเสียนแล้ว ถึงแม้ฮ่องเต้แคว้นหลีจะแล้งน้ำใจ แต่เจียงเสียนกลับอาลัยอาวรณ์บ้านเกิดเมืองนอน หนีมาอยู่จวนกั๋วกงสองปี ไม่เคยออกอุบายหรือแผนการให้ตนเลยสักครั้ง เป็นแขกที่มาอาศัยกินข้าวอย่างแท้จริง
ที่ทำให้คนทอดถอนใจก็คือภายหลังฮ่องเต้แคว้นหลีพบว่าตนเองหลงกลอุบายเข้าแล้ว ถึงกับไม่รับฟังความเห็นของทุกคน รับแผนการสร้างความสงบแก่บ้านเมืองของเจียงเสียนมาดำเนินการ สองปีมานี้ฝึกทหารบำรุงม้า แคว้นหลีในวันนี้ไม่ใช่แคว้นหลีในอดีตจะมาเปรียบเทียบได้
หันกลับมาดูแคว้นหลวน หลายชั่วคนมานี้เพียงอาศัยช่องเขาปากมังกรบริเวณต้นน้ำของแม่น้ำหลวนที่มีชัยภูมิเต็มไปด้วยอันตรายเป็นปราการ ไม่ใส่ใจเรื่องการเพาะปลูก ไม่จัดเตรียมกำลังรบให้พร้อมสรรพ ทั้งแคว้นไม่ว่าเบื้องบนเบื้องล่างมีแต่ความสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย กำลังความสามารถของสองแคว้นทางนี้ลดต่ำทางโน้นเพิ่มสูง อันตรายจากการสิ้นแผ่นดินอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ฮ่องเต้กลับถูกปัญญาชนคร่ำครึกับขุนนางที่ประจบสอพลอปิดหูปิดตา เขากราบทูลหลายครั้งกลับยิ่งถูกปัดแข้งปัดขา
ไม่ผิดแม้แต่น้อยจริงๆ นับแต่โบราณกาลมาปัญญาชนทำให้บ้านเมืองพังพินาศ!
การตกต่ำของเจียงเสียนเป็นสิ่งที่เขาทุ่มเทความคิดวางแผนจัดการ เขาต้องการให้เจียงเสียนถลำเข้าไปในความสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย ต้องการให้อีกฝ่ายจิตใจหงอยเหงาเศร้าซึม คิดไม่ถึงว่ากลับพาเหรินเอ๋อร์เสียคนไปด้วย
ต่งกั๋วกงแอบทอดถอนใจ เอาตุ๊กตาหยกเก็บกลับคืนลงไปในหีบไม้หนานมู่แล้วใส่กุญแจพลางกล่าว
“มีบุรุษสักกี่คนที่ไม่เจ้าชู้ ตัวเหรินเอ๋อร์ไม่แสวงหาความก้าวหน้า ไม่อาจโทษผู้อื่น เหิงจวินเป็นคนรักษาคำพูด มีชื่อเสียงบารมีในหมู่ที่ปรึกษาที่ดีมาก จู่ๆ จะให้เขาไปเสีย จะทำให้จิตใจของทุกคนห่อเหี่ยวท้อแท้เสียมากกว่า”
“นายท่าน…”
“ฟูเหรินอย่าเอ่ยถึงอีกเลย!”
เห็นเขามีท่าทีแข็งกร้าว นายหญิงใหญ่สีหน้าแปรเปลี่ยน แต่ไม่กล้าเอ่ยถึงอีก นิ่งเงียบไปชั่วขณะแล้วนึกถึงเรื่องการแต่งงานของต่งซูขึ้นมาได้ “นายท่านไม่ใช่บอกว่ากราบทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบแล้วหรือ”
“ยังไม่มีข่าวอะไรเลย” ต่งกั๋วกงยกน้ำชาขึ้นมาจิบคำหนึ่ง ถอนหายใจแล้วว่า “เรื่องนี้ไม่ง่ายเหมือนที่ฟูเหรินคิด ฝ่าบาททรงแต่งตั้งสวินซีเป็นแม่ทัพใหญ่ยกทัพไปบุกตะวันออกแล้ว ที่พระราชทานสมรสก็เพื่อจะให้พวกเขาพ่อลูกออกรบด้วยความสบายใจ ถ้าท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ยอมล้มเลิกการแต่งงาน ฝ่าบาทก็ไม่ทรงอนุญาต”
“แล้ว…” นายหญิงใหญ่ตกตะลึง “แม่ทัพสวินมีทีท่าจะล้มเลิกการแต่งงานหรือไม่”
“เขาบอกทุกอย่างแล้วแต่ฝ่าบาทจะทรงตัดสินพระทัย”
“นั่นก็แสดงว่าไม่ยอมล้มเลิกแล้ว” เมื่อนึกถึงว่าต่งจงตายในสนามรบ นายหญิงใหญ่ก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว เสียงสั่นอย่างกลั้นไม่อยู่ “ความหมายของนายท่านก็คือ…คุณชายสวินก็จะติดตามบิดาไปออกรบด้วย?”
เห็นเขาพยักหน้า นายหญิงใหญ่น้ำตาร่วงรินทันที
“จงเอ๋อร์ อ้ายเอ๋อร์ทยอยจากไป ข้าเหลือเพียงซูเอ๋อร์เท่านั้น ข้า…ข้าไม่สู้ตายเสียให้สิ้นเรื่อง” นางมองต่งกั๋วกงอย่างวิงวอนขอร้อง “ขอร้องนายท่านไม่ว่าอย่างไรต้องคิดหาวิธีล้มเลิกการแต่งงานในครั้งนี้”
“บุรุษต่อสู้ในสนามรบ รับใช้ตอบแทนบ้านเมือง แม้ตายก็มีเกียรติ ถ้าสวินเหลียนถอยหนียามออกศึก ก็ไม่มีค่าควรให้ข้ายกซูเอ๋อร์แต่งกับเขา!”
น้ำเสียงหนักแน่นดังกังวาน นายหญิงใหญ่สีหน้าซีดขาว น้ำเสียงยิ่งแหลมขึ้น