“ล้วนเป็นเวรเป็นกรรม” นางพูดกับตนเอง “สวินเหลียนมีอนุอยู่หลายคนแล้ว มาคลุกคลีอยู่กับเจียงเสียน ยิ่งไม่มีอะไรที่จะไม่ทำ…ฝ่าบาทพระราชทานสมรส แม้ข้าจะรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนซูเอ๋อร์ แต่ก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว เพียงหวังว่าหลังจากเขาแต่งกับซูเอ๋อร์แล้วจะสงบเสงี่ยมลงบ้าง คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับ…พอนึกถึงว่าจงเอ๋อร์ต้องตายในสนามรบ หัวใจของข้าก็คล้ายถูกมีดคว้านเช่นนั้น”
คำพูดเศร้าอาดูรอย่างสุดแสนหลายประโยคแฝงไปด้วยความรักบุตรสาวอย่างลึกซึ้ง แม้จะเป็นการแต่งงานเพื่อการเกี่ยวดองทางการเมืองที่ต่งกั๋วกงเฝ้าปรารถนา แต่จะอย่างไรก็เป็นบุตรสาวของตน เมื่อนึกถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของนาง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าสลด พูดอะไรไม่ออก
อากาศคล้ายหยุดนิ่งลง ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ
เสียงเคาะประตูดังกังวานขึ้น นายหญิงใหญ่สะดุ้งเฮือก ตื่นจากภวังค์ รีบยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง จิบน้ำชาให้ชุ่มคอ แล้วส่งเสียงไปที่ประตู
“เข้ามาเถิด”
สี่หลันเท้าข้างหนึ่งเพิ่งก้าวเข้ามาข้างใน เท้าอีกข้างหนึ่งยังอยู่ข้างนอก ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ชะงักงัน นางลังเลอยู่ชั่วขณะ แล้วกัดฟันเดินเข้าไปทำความเคารพอย่างระมัดระวัง แต่ไม่กล้าพูดอะไร
“เจ้าไม่ใช่อยู่ปรนนิบัติสะใภ้สี่หรอกหรือ” เห็นนางไม่พูด นายหญิงใหญ่เอาความคับแค้นใจที่มีอยู่เต็มอกระบายใส่นาง “วิ่งมาทำอะไรที่นี่”
“นายหญิงใหญ่สั่งสอนได้ถูกต้อง บ่าวสมควรถูกลงโทษ บ่าว…”
พูดมาได้ครึ่งหนึ่งสี่หลันมองสบนัยน์ตาคมกริบของนายหญิงใหญ่ เสียงพลันขาดหายไป หลังจากได้สติจึงตอบคำอย่างระมัดระวัง
“เรียนนายหญิงใหญ่ สะใภ้สี่จะไปทะเลสาบลั่วเยี่ยน พวกบ่าวห้ามปรามไม่อยู่ สี่จวี๋จึงให้บ่าวรีบมาเรียนให้นายหญิงใหญ่ทราบเจ้าค่ะ”
“ไปทะเลสาบลั่วเยี่ยน?” นึกได้ว่าต่งซูก็ถูกสวินเหลียนเซ้าซี้พันพัวที่นั่น นายหญิงใหญ่ก็ยิ่งโทสะพวยพุ่ง “คนไว้ทุกข์ไม่อยู่ในห้องหับ เที่ยวเล่นไปทั่วได้อย่างไร!”
สี่หลันเนื้อตัวสั่นเทา รู้ว่านายหญิงใหญ่เข้าใจผิดแล้วจึงรีบชี้แจง
“เข้าไปทางประตูข้างฝั่งตะวันตกของเรือนลู่ย่วนเจ้าค่ะ”
“ประตูข้างฝั่งตะวันตกเรือนลู่ย่วน” นายหญิงใหญ่ย่นหัวคิ้ว “ไม่ใช่ให้คนปิดไปแล้วหรือ”
“บ่าวก็ไม่ทราบแน่ชัดเจ้าค่ะ” สี่หลันสั่นศีรษะ “เพียงแต่ใส่กุญแจไว้แล้ว ลูกกุญแจอยู่ที่ซุนหมัวมัว นางดึงดันไม่ให้ บอกต้องเรียนสะใภ้ใหญ่ก่อน สุดท้ายสะใภ้สี่บันดาลโทสะ ลงโทษนาง แล้วแย่งเอาลูกกุญแจไป…”
นายหญิงใหญ่แววตาเย็นยะเยือก เรียกสี่เหมยเข้ามา “เจ้าไปที่นั่น เรียกสะใภ้สี่มา แล้วถือโอกาสเก็บลูกกุญแจประตูข้างฝั่งตะวันตกมาด้วย”
สี่เหมยรับคำ กำลังจะหมุนตัวไปต่งกั๋วกงก็เอ่ยเสียงเข้มขึ้นมา “ล้วนแต่เป็นพื้นที่ในจวน มีอะไรต้องตื่นตระหนกตกใจ”
สี่เหมยมองนายหญิงใหญ่อย่างไม่รู้จะทำประการใด
“นายท่าน…” นายหญิงใหญ่ผ่อนคลายน้ำเสียงลง “ทะเลสาบลั่วเยี่ยนอยู่ติดกับเรือนซิงซู่ เหล่าที่ปรึกษามักไปที่นั่น”
“ฟูเหรินกังวลเกินไปแล้ว อวิ๋นชูก็รู้กาลเทศะ รู้หลักทำนองคลองธรรม” ต่งกั๋วกงวางถ้วยชาลง “ฝ่าบาททรงอนุญาตให้อิสตรีเข้าร่วมการชุมนุมได้ ตอนนางอยู่บ้านเดิมก็ไปเข้าร่วมการชุมนุมแต่งบทกวีของเมืองหลวนเฉิงทุกวัน เพิ่งจะแต่งเข้ามาจวนของเราก็ถูกจำกัดควบคุมเช่นนี้ จะทำให้นางไม่พอใจและมองหน้ากันไม่สนิท”
“นายท่าน…”