ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หมอหญิงพลิกธรรมเนียม บทที่ 5-บทที่ 6
ฝูหรงพูดยังไม่ทันจบก็ถูกเสียงเยียบเย็นเสียงหนึ่งตัดบทขึ้น นางตัวสั่นสะท้าน หันหน้าไปมองพร้อมๆ กับหลวนอวิ๋นชู ที่ด้านข้างภูเขาจำลองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมีชายหนุ่มรูปงามท่วงทีสะโอดสะองผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมา มือถือพัดพับ ยืนเอ้อระเหยลอยชายอยู่ที่นั่น กำลังมองมาที่หลวนอวิ๋นชูด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม คนผู้นี้ก็คือคุณชายสามต่งเหริน
ครั้งก่อนหลวนอวิ๋นชูก็เจอเขาที่นี่และประสบกับเคราะห์กรรม ในสถานที่เดียวกันนี้ยังคงได้มาพบกับคนคนเดิมอีกครั้ง โศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกหรือไม่
ฝูหรงมองต่งเหริน สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที…รีบดึงหลวนอวิ๋นชูให้มาอยู่ข้างหลัง แล้วยอบตัวทำความเคารพต่งเหริน
“คารวะคุณชายสาม”
หลวนอวิ๋นชูก็นึกออกแล้วเช่นกัน เป็นชายหนุ่มรูปงามที่เคยพบในห้องโถงตั้งศพผู้นั้น มองสบสายตารูปดอกท้อที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มคู่นั้น ฉับพลันในดวงตาคู่นั้นก็สาดประกายปรารถนาออกมาอย่างโจ่งแจ้ง หลวนอวิ๋นชูกุมมือที่เย็นเฉียบของฝูหรง ชั่วประกายไฟแลบนางพลันตระหนักรู้ว่าเพราะเหตุใดบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคผู้นี้จึงได้กระโดดลงไปในทะเลสาบ
คนมักพูดกันว่าความลุ่มหลงทำให้คนสูญเสียสติสัมปชัญญะ พูดได้ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย นางเป็นน้องสะใภ้ที่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรมของเขา ศพน้องชายยังไม่ทันเย็นก็คิดหมายปองนางแล้ว ช่างต่ำช้าเทียบไม่ได้แม้แต่หมูหมา รูปร่างหน้าตาดีเสียเปล่า!
ในใจแอบด่าไปหลายคำ หลวนอวิ๋นชูอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้บัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคยิ่งนัก แต่มองดูแล้วผู้อื่นรูปร่างสูงใหญ่ หันกลับมามองตนเองลำพังรูปร่างก็เตี้ยกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว สู้ไม่ได้แน่นอน คนฉลาดไม่ทำเรื่องที่เสียเปรียบ สามสิบหกกลยุทธ์หนีเป็นสุดยอดกลยุทธ์
หลวนอวิ๋นชูยอบตัวน้อยๆ ให้ต่งเหริน ไม่พูดอะไรก็ดึงฝูหรงเดินหนี
พลาดไปครั้งหนึ่ง เมื่อได้มาเจอญาติผู้น้องที่ตนเลื่อมใส จะปล่อยให้นางจากไปง่ายๆ ได้อย่างไร ต่งเหรินก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ขวางทางไปไว้ เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“น้องสาว หยุดก่อน”
ได้ยินน้ำเสียงนุ่มอันน่าสะอิดสะเอียน หลวนอวิ๋นชูรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง ขนลุกชันเหมือนจะร่วงเต็มพื้น นางยอบตัวให้ต่งเหรินอีกครั้ง คิดจะดึงดันฝ่าออกไป ต่งเหรินกลับขยับตัวขวางหน้านางไว้ราวกับกำแพง ยิ้มประจบมากขึ้น น้ำเสียงนุ่มนวลมากขึ้น
“น้องสาวเพิ่งไปที่หอกวนซิงมาหรือ”
หอกวนซิงเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในจวน ต่งกั๋วกงสร้างไว้เพื่อดูปรากฏการณ์ของดวงดาวในยามค่ำคืน เป็นหอสูงสี่ชั้น สะดุดตายิ่ง มองจากเรือนซิงซู่จะเห็นสภาพการณ์ด้านบนได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้นายหญิงใหญ่จึงห้ามสมาชิกในครอบครัวที่เป็นสตรีขึ้นไปบนหอกวนซิง แต่หลวนอวิ๋นชูก็ไม่ฟัง ผลปรากฏว่าได้ดึงดูดเอาหมาป่าหางใหญ่ตัวนี้มา
ฝูหรงมองหลวนอวิ๋นชูอย่างคับแค้นใจทีหนึ่ง สีหน้ายิ่งซีดขาวกว่าเดิม
หลวนอวิ๋นชูตบๆ มือฝูหรง แล้วแอบกวาดตามองไปรอบด้าน ว่างเปล่าวังเวง กระทั่งเงาของนกก็ยังไม่มี หัวใจของหลวนอวิ๋นชูก็เต้นตูมตามขึ้นมา แต่สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน นางพยักหน้าน้อยๆ
“แปลกจริง เหตุใดรูปแบบของเรือนซิงซู่จึงแตกต่างจากที่อื่น”
ยังไม่อาจจากไปทันทีได้ หลวนอวิ๋นชูจำต้องสงบใจรับมือกับต่งเหริน นี่ก็เป็นข้อสงสัยในใจของนาง อยู่บนหอกวนซิงมองดูอยู่พักใหญ่ หลวนอวิ๋นชูพบว่าเรือนในจวนส่วนใหญ่จะเป็นเรือนกลางตามแบบฉบับ กระทั่งเรือนข้างยังพบเห็นได้น้อย ทว่าหอเก๋งที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าตรงข้ามกับทะเลสาบลั่วเยี่ยนกลับมีทุกตำแหน่ง ทุกทิศทาง ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ
“หึๆ น้องสาวคงไม่รู้ เรือนซิงซู่สร้างตามตำแหน่งยี่สิบแปดกลุ่มตำหนักดาวกระทั่งโคมไฟทุกแห่งล้วนกำหนดจำนวนไว้แล้ว โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านดวงดาวเป็นผู้กำหนด เมื่อถึงยามค่ำคืน ยืนอยู่บนหอกวนซิง มองไปที่โคมไฟของเรือนซิงซู่ ก็จะคล้ายกับดวงดาวบนท้องฟ้า” ในที่สุดหลวนอวิ๋นชูก็ยอมพูดด้วยแล้ว พัดพับในมือต่งเหรินโบกถี่ขึ้น เขาชี้ไปที่เรือนซิงซู่พลางพูดอย่างฉะฉาน “น้องสาวดู นั่นคือเรือนด้านตะวันตกหลังแรก เรือนขุยซู่เป็นสถานที่ที่คุณชายเจียงพักอาศัยอยู่ เมื่อครู่ข้าเห็นน้องสาวจากที่นั่น”
“อ้อ…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
คนประเภทเดียวกันย่อมอยู่ด้วยกัน ลำพังเห็นต่งเหรินเป็นเช่นนี้ เจียงเสียนผู้นั้นก็คงไม่ใช่คนดีอะไร ฟังคำพูดของต่งเหรินแล้ว หลวนอวิ๋นชูลอบด่าอยู่ในใจ ใบหน้ากลับยิ้มน้อยๆ พลางผงกศีรษะ สายตาก็กวาดไปทางอื่นต่อ
นางยิ้มแล้ว น้องสาวถึงกับยิ้มให้ข้าแล้ว!
มองรอยยิ้มดุจบุปผาในฤดูใบไม้ผลิของหลวนอวิ๋นชู ต่งเหรินกระทั่งขนละเอียดที่ฝ่าเท้ายังฮึกเหิมขึ้นมา เห็นสายตาของนางจับนิ่งอยู่ที่ต้นอิ๋นซิ่งหลายร้อยปีขนาดสามคนโอบสูงสิบจั้งต้นนั้น ก็แนะนำด้วยไมตรีจิตและความเร่าร้อน
“ต้นไม้ต้นนี้อยู่มาห้าร้อยปีแล้ว มีชื่อเสียงยิ่ง บัณฑิตผู้มีชื่อเสียงหลายต่อหลายคนมาเยี่ยมคำนับบิดา ก็ด้วยต้องการจะมาเห็นต้นไม้โบราณร้อยปีต้นนี้”
“อ้อ”
มองต้นอิ๋นซิ่งที่แผ่ร่มใบกว้างถึงสิบจั้ง หลวนอวิ๋นชูก็นึกถึงต้นอิ๋นซิ่งพันปีที่หน้าประตูวัดเส้าหลินเมื่อชาติก่อนต้นนั้น เล่าลือกันว่าต้นไม้โบราณต้นนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
ท่านปู่ต้นไม้ ถ้าท่านศักดิ์สิทธิ์จริง ได้โปรดคุ้มครองข้าให้หลุดพ้นจากหมาป่าหางใหญ่ตัวนี้ไปได้อย่างปลอดภัยด้วยเถิด ยืนอยู่ใต้ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้า หลวนอวิ๋นชูอธิษฐาน บางทีต้นไม้โบราณอาจศักดิ์สิทธิ์จริง สายลมบางเบาพัดโชยมา เกิดเสียงดังสวบสาบ พอเงยหน้าขึ้นนางก็เห็นรังนกอยู่บนยอดไม้รำไร ประกายความคิดผุดวาบ มุมปากยกขึ้น
ข้าคิดอะไรออกแล้ว
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 02 ก.ค. 64 เวลา 12.00 น.