บทที่เจ็ด
“นั่น…”
หลวนอวิ๋นชูแหงนหน้าขึ้น แสร้งทำเป็นประหลาดใจ ต่งเหรินก็แหงนหน้ามองตามสายตาของนางไป
“น้องสาวเห็นอะไรเข้าหรือ”
“ข้างบนนั้นมีรังนก”
ต่งเหรินหัวเราะออกมา “น้องสาวสูญเสียความทรงจำแล้วจริงๆ รังนกรังนั้นอยู่มาหลายปีแล้ว”
“อ้อ…” หลวนอวิ๋นชูพยักหน้าอย่างเศร้าสลด จู่ๆ ก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาอีก หันหน้าไปมองต่งเหริน ดวงตาเปล่งประกายดุจดวงดาว “ไม่รู้ฤดูกาลนี้ในรังมีลูกนกหรือไม่”
“สะใภ้สี่อยากได้นกบนต้นไม้หรือเจ้าคะ!”
จวบจนออกเรือนเป็นภรรยาผู้อื่นแล้วยังจะซุกซนเพียงนี้ ไม่เหมือนบุตรสาวในตระกูลสูงศักดิ์เอาเสียเลย
ฝูหรงมองดวงตาวิบวับเป็นประกายของหลวนอวิ๋นชูแล้วร้องเสียงแหลมขึ้นมา ลืมไปแล้วว่ายังมีหมาป่าหางใหญ่ยืนอยู่ตรงนี้อีกคน เห็นนางไม่ปฏิเสธ ฝูหรงก็เอ่ยปากห้ามปรามด้วยความหวังดี
“สะใภ้สี่ ต้นไม้นี้สูงเกินไป ดีไม่ดีจะเกิดเรื่อง”
ได้ยินมาว่าตั้งแต่ตกน้ำมาหลวนอวิ๋นชูก็นิสัยเปลี่ยนไปมาก เวลานี้คงจะเกิดความคิดแบบเด็กๆ ขึ้นมา ได้ยินเสียงร้องโวยวายของฝูหรง ต่งเหรินที่ถูกความลุ่มหลงมัวเมาครอบงำจิตใจไม่แม้แต่จะคิดก็เข้าใจว่านางอยากได้นกบนต้นไม้ มองดวงหน้านุ่มนวลละมุนละไมของหลวนอวิ๋นชูที่น้อยครั้งจะได้เห็น หัวใจของต่งเหรินก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น
“ตอนน้องสาวยังเล็ก พอเห็นรังนกก็ชอบทายว่าในรังนกมีลูกนกกี่ตัว ข้ากับน้องสี่จะแย่งกันขึ้นไปนับ…หากน้องสาวอยากได้ ข้าจะขึ้นไปเอามาให้เจ้าเอง!”
หลวนอวิ๋นชูก็ยิ้มๆ หมาป่าหางใหญ่ตัวนี้ ในที่สุดก็หลงกลแล้ว!
นางยังไม่ทันพูดอะไรเลย
“พี่สาม ช่างเถิด”
“ได้อย่างไรเล่า” ในน้ำเสียงเจือความผิดหวังอยู่จางๆ ต่งเหรินรู้สึกห่อเหี่ยวไปชั่วขณะ “น้องสาวไม่ชอบหรือ”
“ไม่…ไม่ใช่” หลวนอวิ๋นชูรีบสั่นศีรษะ “ต้นไม้สูงเกินไป” มองต้นอิ๋นซิ่งที่สูงลิ่วแวบหนึ่ง ดวงตาของหลวนอวิ๋นชูเต็มไปด้วยความห่วงกังวล “ข้า…กลัวพี่สามจะก้าวพลาด พี่สะใภ้สามก็จะ…”
ญาติผู้น้องถึงกับเป็นห่วงข้า!
ญาติผู้น้องถึงกับเป็นห่วงความปลอดภัยของข้า!
ต่งเหรินจิตใจเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปนานแล้ว ลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นเคลื่อนลง กลืนน้ำลายลงคอแรงๆ
“น้องสาวไม่ต้องเป็นห่วง พี่สะใภ้สามของเจ้าก็แค่เสือกระดาษตัวหนึ่ง อย่าเห็นวันๆ นางเอะอะโวยวาย ความจริงแล้วกลับหลอกง่ายมาก” เขาหยุดหัวข้อสนทนาอย่างฉับพลัน หันมายิ้มฝืดเฝื่อนให้หลวนอวิ๋นชูแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “ต้นไม้ต้นนี้ไม่นับว่าสูง ดูเหมือนน้องสาวจะลืมไปแล้วจริงๆ ตอนเด็กข้าไปล้วงรังนกให้เจ้าอยู่เสมอ ต้นไม้ที่สูงกว่าต้นนี้ก็เคยปีนมาแล้ว ตอนนั้นเจ้ายังไม่ห่วงแม้แต่น้อยว่าข้าจะตกลงมา กลัวที่สุดก็คือข้าจะทำลูกนกเจ็บ เอาแต่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ แหงนคอมองสั่งกำชับไม่หยุด”
พูดไปพูดมาเขาก็มาถึงใต้ต้นไม้แล้ว ยกชายเสื้อคลุมขึ้นมามัดเป็นปมไว้ตรงหน้าอก กวาดตาขึ้นลงมองประเมินต้นอิ๋นซิ่งต้นนี้