ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะตั้งอกตั้งใจสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำ หลวนอวิ๋นชูจึงมาคารวะผู้ใหญ่ตามธรรมเนียมมารยาท ถึงแม้นายหญิงใหญ่จะให้นางอยู่รักษาตัวที่เรือนลู่ย่วนก็ตาม หลวนอวิ๋นชูมองว่าทั้งการไม่ได้ไปทำงาน ทั้งการไม่ได้ไปตลาด แต่กลับต้องมาที่เรือนแม่สามีเพื่อปฏิบัติตามธรรมเนียมมารยาทตั้งแต่ยามเหม่าเช่นนี้ ถือเป็นธรรมเนียมที่แย่มาก…
เลี้ยวผ่านฉากบังลมไม้หนานมู่ที่ปักด้วยไหมทองลายหงส์คู่มองตะวันก็จะเห็นภาพห้าบุตรประทานพรแขวนอยู่บนผนังตรงหน้า ตรงกลางเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมไม้จันทน์ม่วงแกะลายมังกรไม่มีเขา บนโต๊ะวางสวนถาดที่แกะจากรากไม้แดงถาดหนึ่ง ชุดชาหยกดำหนึ่งชุด สองข้างวางเก้าอี้ไท่ซือ ไม้จันทน์ม่วงข้างละตัว ถัดออกไปด้านข้างมีเก้าอี้กุหลาบไม้จันทน์ม่วงแกะลายม้วนขดตามขอบที่นั่งด้านหน้าและพนักพิงวางเรียงรายข้างละแถว แถวละเจ็ดตัว แถวทางด้านซ้ายมีคุณชายห้าต่งซิ่น คุณชายหกต่งอี้ คุณชายเจ็ดต่งเหอ หัวผักกาดน้อยที่แข็งแรงน่ารักทั้งสามคน ส่วนเก้าอี้ที่เหลือล้วนว่างเปล่า ทางด้านขวาตั้งแต่หัวแถวลงไปนั่งเรียงตามลำดับเหยาหลัน เฉาเสวี่ย พานหมิ่น คุณหนูสามต่งซู และคุณหนูสี่ต่งฮว่า ทุกคนกำลังพูดคุยกันเบาๆ พอเห็นหลวนอวิ๋นชูเข้ามาก็หยุดปากทันทีพลางมองมาด้วยความแปลกใจ
เห็นเก้าอี้ตรงกลางยังว่างอยู่ หลวนอวิ๋นชูก็ลอบระบายลมหายใจ ยังดีนายหญิงใหญ่ยังไม่ออกมา
เห็นหลวนอวิ๋นชูทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งลงข้างกายนาง พานหมิ่นก็เบี่ยงตัวอย่างรังเกียจ “เมื่อวานไปเที่ยวเล่นที่ทะเลสาบลั่วเยี่ยน สะใภ้สี่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถึงขั้นสบายอกสบายใจมาเที่ยวเรือนอิ่นย่วนแล้ว”
คำว่า ‘เที่ยว’ ถูกพานหมิ่นเค้นเสียงจนกังวาน ความหมายในการเสียดสีเอ่อท้นออกมาทางน้ำเสียงและกิริยาท่าทาง อีกด้านหนึ่งยังไม่ลืมยกมือขึ้นปัดๆ ไปในอากาศ คล้ายในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายความอัปมงคล ท่าทางดูตลกยิ่ง
“แล้วอย่างไรเล่า สะใภ้สามไม่ใช่มาคารวะนายหญิงใหญ่หรอกหรือ” หลวนอวิ๋นชูยิ้มจางๆ เสียงยังคงนุ่มนวลเช่นที่ผ่านมา “เป็นเพราะกินอิ่มไม่มีอะไรทำ อยู่ว่างๆ ฟ้ายังไม่สว่างก็ออกมาเที่ยวเล่นหรือ”
ทำสงครามน้ำลาย ใครทำไม่เป็นบ้างเล่า
“พรืด…”
ต่งซิ่นพ่นน้ำชาในปากออกมา ต่งอี้ต่งเหอก็หัวเราะคิกคักตามไปด้วย
“คุณชายของบ่าว ท่านระวังหน่อยเจ้าค่ะ” แม่นมก้มลงมาช่วยเช็ดเสื้อผ้าให้ต่งซิ่น “นายท่าน นายหญิงใหญ่จะออกมาแล้ว เสื้อผ้าสกปรกตอนนี้จะไปเปลี่ยนก็ไม่ทันแล้ว”
เห็นแม่นมของตนเม้มปากแน่น ข่มกลั้นจนใบหน้าแดง คุณชายห้าต่งซิ่นก็ขยับตัวหัวเราะคิกคักออกมา
“คุณชายของบ่าว ท่านสุขุมหน่อยสิเจ้าคะ ระวังนายท่านเห็นเข้าก็จะ…”
“เจ้าพูดมากเสียจริง” ต่งซิ่นย่นหัวคิ้วอย่างรำคาญ ผลักแม่นมออกไป “ก็แค่น้ำชาคำเดียว ไม่ต้องเช็ดแล้ว เจ้าไปยืนข้างๆ อย่ามาบังข้าชมเรื่องสนุก”
สะใภ้กับคุณหนูคนอื่นๆ ต่างก็พยายามสะกดกลั้นไม่หัวเราะออกมา แต่ละคนท่าทางคล้ายปวดอุจจาระ ข่มกลั้นจนใบหน้าแดงก่ำ เห็นทุกคนเป็นเช่นนี้ สีหน้าของพานหมิ่นก็กลายเป็นมะเขือม่วงแล้ว อ้าปากถลึงตามองหลวนอวิ๋นชูราวกับอยากถลกหนัง ยามกะทันหันถึงกับหาคำพูดมาตอบโต้ไม่ได้
“ข้าได้ยินว่าเมื่อวานคุณชายสามถูกผีหลอก วันนี้ยังลุกจากเตียงไม่ขึ้น เป็นเช่นนี้สะใภ้สามยังสบายอกสบายใจออกมาเที่ยวเล่นอีกหรือ” หลวนอวิ๋นชูเอามือตบหน้าผาก คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ “อ้อ…ข้าลืมไป คุณชายสามมีนกขมิ้นนกนางแอ่นอยู่เต็มห้อง ไม่ต้องให้สะใภ้สามปรนนิบัตินี่ ท่านย่อมมีเวลาว่างมากมาย”
ในจวนกั๋วกงแห่งนี้ความเจ้าชู้ของต่งเหรินนับว่าขึ้นชื่อลือนาม เรื่องนี้ต่งกั๋วกงกับนายหญิงใหญ่ไม่ค่อยพอใจนัก มักบ่นว่าพานหมิ่นมัดใจต่งเหรินไว้ไม่อยู่ไม่พูดถึง ยิ่งไม่รู้จักตักเตือน ปล่อยให้เขาทำเรื่องวุ่นวาย เรื่องนี้คล้ายได้กลายเป็นปมที่เจ็บปวดในใจของพานหมิ่นไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวานต่งเหรินถูกผีหลอก ในจวนกั๋วกงก็แอบเล่าลือกันไปทั่ว บอกเขาทำเรื่องเลวร้ายมากเกินไป ในที่สุดก็ถูกกรรมตามสนอง ถูกสาวใช้ตามรังควาน…
เรื่องที่เดิมทีอยากจะปิดบังยังแทบไม่ทันกลับถูกเปิดโปงออกมาต่อหน้าผู้คน พานหมิ่นเสียหน้าจนพานโกรธ นางราวกับถูกผึ้งต่อย กระโดดผึงขึ้นมา ชี้หน้าหลวนอวิ๋นชูแล้วด่าว่า
“เจ้าเล่าเป็นสินค้าดีอะไร! เข้าประตูมาได้สามวันคุณชายสี่ก็ตาย ไม่ถึงครึ่งเดือนสาวใช้ก็ตายไปแล้วสองคน ศพคุณชายสี่ยังไม่ทันเย็น ก็ทนไม่ไหวไปยั่วยวนบุรุษที่ทะเลสาบลั่วเยี่ยน…ปีศาจจิ้งจอก! ดาวหายนะ!”