นายหญิงใหญ่กำลังจะออกมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าพานหมิ่นจะไม่คำนึงถึงหน้าตา ส่งเสียงด่าทอต่อหน้าผู้คน ทุกคนต่างตะลึงงันแล้ว รอยยิ้มของเด็กน้อยทั้งสามแข็งค้างอยู่บนใบหน้า ปากอ้าค้าง มองพี่สะใภ้สามของพวกเขาอาละวาดพาลพาโลอย่างงงงัน
เหยาหลันลุกขึ้นมายืนอย่างสง่างาม เดินผ่านเฉาเสวี่ยอย่างเชื่องช้าราวกับเต่ามาถึงเบื้องหน้าพานหมิ่น ขณะพานหมิ่นยกมือค้างอยู่นั้นก็ได้ยินหญิงรับใช้สูงวัยที่หน้าประตูร้องขึ้น
“นายท่าน นายหญิงใหญ่มาถึงแล้ว!”
ต่งกั๋วกงอยู่หน้า สี่จู๋ สี่เหมย และอี๋ไท่ไท่หลายคน รวมทั้งหญิงรับใช้สูงวัยกลุ่มหนึ่งห้อมล้อมนายหญิงใหญ่เดินตามเข้ามา วุ่นวายโกลาหลขึ้นมาทันที ทุกคนพากันลุกขึ้นทำความเคารพ มีเพียงพานหมิ่นที่ยังชี้หน้าหลวนอวิ๋นชูดุจแม่เสือที่ดุร้าย แข็งค้างอยู่กับที่ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
เสียงของนางแหลมเล็ก ทั้งยังโมโหสุดขีด แม้จะอยู่ห่างกันระยะหนึ่ง แต่เสียงด่าว่ายังคงดังไปเข้าหูต่งกั๋วกงกับนายหญิงใหญ่ เวลานี้ยังเห็นนางชี้หน้าหลวนอวิ๋นชูอย่างไร้มารยาท ไม่มีภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่อ่อนโยนและดีงามแม้แต่น้อย ต่งกั๋วกงก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
นายหญิงใหญ่ลอบถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง บุตรสาวของพ่อค้าผู้นี้ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน พูดแต่แรกแล้วว่าไม่อาจแต่งเข้ามา นายท่านกลับไม่ฟัง ตอนนี้ดีเลย เอะอะโวยวายจนเรือนชิ่นย่วนบรรยากาศอึมครึมเต็มไปด้วยพิษร้ายยังไม่พอ ถึงกับเอะอะมาถึงเรือนของนาง อาละวาดออกมาต่อหน้าน้องสามีหลายคน
ที่แท้ในบรรดาสะใภ้ทั้งสี่คนของต่งกั๋วกง เหยาหลันเป็นบุตรสาวของอัครเสนาบดีเหยาเหิงป๋อ สะใภ้รองเฉาเสวี่ยเป็นบุตรสาวเฉาเจิ้งวั่งผู้บัญชาการฝ่ายซ้ายสำนักตรวจการนครหลวง ขุนนางชั้นหนึ่งขั้นรอง หลวนอวิ๋นชูก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ทั้งสามคนมาจากครอบครัวขุนนาง มีเพียงพานหมิ่นเป็นบุตรสาวของพานตี๋พ่อค้าเกลือรายใหญ่
การแต่งงานในครั้งนั้นเดิมทีนายหญิงใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่แคว้นชื่อ แคว้นหลี แคว้นหลวนทั้งสามแคว้น แคว้นชื่อด้านตะวันออกติดทะเล แม้จะไม่อุดมสมบูรณ์ แต่เมล็ดพันธุ์ธัญพืช เกลือ และอื่นๆ โดยพื้นฐานก็พอเลี้ยงดูตนเองได้ ทว่าแคว้นหลีที่อยู่ทางตอนเหนือนั้นไม่เหมือนกัน ถึงจะมีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์ แต่เมล็ดพันธุ์ธัญพืชและเกลือกลับขาดแคลนมาก ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาอาศัยแคว้นหลวน การค้าเกลือจึงกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของแคว้นหลวน กลายเป็นเส้นเลือดสำคัญทางการค้าของแคว้นหลวน เพื่อจะควบคุมการค้าเกลือและยึดกุมการเงินของแคว้นหลวนแคว้นหลีสองแคว้นกลายๆ ต่งกั๋วกงจึงเจตนาลดเกียรติลดศักดิ์ศรีไปผูกญาติเกี่ยวดองกับพ่อค้าเกลือโดยผ่านการแต่งงาน
อีกฝ่ายหนึ่งพานตี๋ที่เป็นพ่อค้า แม้จะร่ำรวยเทียบเท่าท้องพระคลัง แต่แคว้นหลวนให้ความสำคัญกับการเกษตรควบคุมการค้า เขาไม่มีฐานะทางการเมืองอะไร ย่อมคิดจะคบค้าสมาคมกับขุนนางคหบดีโดยผ่านการเกี่ยวดองด้วยการแต่งงาน ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้ประโยชน์จากบุตรสาวปีนป่ายขึ้นสู่ยอดไม้สูง เมื่อเป็นเช่นนี้ทั้งสองฝ่ายจึงต่างมีแผนสกปรกอยู่ในใจ สามารถตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว พานหมิ่นที่หน้าเลือดและหยาบคายจึงเข้าประตูใหญ่จวนกั๋วกงมาได้อย่างถูกจังหวะและมีขั้นตอน การแต่งงานระหว่างสองครอบครัวเคยดังสะเทือนเลื่อนลั่นทั่วทั้งเมืองหลวนเฉิงมาแล้ว
คิดไม่ถึงว่าพานหมิ่นผู้นี้จะหยาบคายไม่ฟังเหตุผล ต่งเหรินผู้นั้นก็เป็นอันธพาลไม่ยึดมั่นในเหตุผล ถือเป็นคู่ที่สวรรค์บรรจงสรรค์สร้างอย่างแท้จริง หลังแต่งงานทั้งสองหวานชื่นกันอยู่ไม่กี่วัน จากนั้นก็เริ่มทะเลาะเบาะแว้งกัน ต่อมาต่งเหรินเชื่อฟังการจัดการของต่งกั๋วกงไปหลอกล่อชักจูงเจียงเสียนให้ตกต่ำ ก็ยิ่งดื่มสุราเล่นการพนันทุกวัน เที่ยวสำนักนางโลมทุกคืน เขากับเจียงเสียนสองคนไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ทำ
เห็นต่งเหรินเปลี่ยนเป็นแย่ลง ต่งกั๋วกงก็บังคับควบคุมไม่ไหว นายหญิงใหญ่ยิ่งผลักภาระหน้าที่มาให้ลูกสะใภ้ที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยผู้นี้ วันนี้ได้มาเห็นนางเล่นบทหญิงปากร้ายข่มเหงหลวนอวิ๋นชูกับตาตนเอง ในใจก็ยิ่งเอือมระอา
“หมิ่นเอ๋อร์…” นายหญิงใหญ่ข่มกลั้นความโกรธ ยกน้ำชาขึ้นมาจิบคำหนึ่ง “บทแรกของคุณธรรมสตรีคือสงบเสงี่ยมสง่างาม ครองพรหมจรรย์ แต่งกายเรียบร้อย ทำอะไรมีขอบเขตรู้จักละอายใจ คำพูดและการกระทำมีขอบเขต เจ้าดูตัวเจ้าสิ ทำอากัปกิริยาเสียมารยาทต่อหน้าน้องสามีหลายคน นี่มันธรรมเนียมปฏิบัติอะไร”
หลังจากหลวนอวิ๋นชูแต่งงานก็ยังไม่เคยมาคารวะผู้ใหญ่ นายหญิงใหญ่ก็แล้วแต่นาง คำพูดของหลวนอวิ๋นชูก็ไม่มีคุณธรรมสตรี นายหญิงใหญ่ไม่เพียงไม่ว่า กลับไม่ถามว่าใครผิดใครถูก อบรมสั่งสอนใส่หน้าตนโครมๆ ฟังคำพูดเหล่านี้แล้วพานหมิ่นพลันรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่งยวด
พานหมิ่นไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลวนอวิ๋นชูพูดเสียงเบา ทั้งพูดไปก่อนหน้าแล้วนายหญิงใหญ่ไม่ทันได้ยิน กลับเป็นนางที่โก่งคอร้องด่า อยู่ห่างออกไปแปดหลี่ก็ยังได้ยิน หลวนอวิ๋นชูยังเป็นบัณฑิตหญิงที่มีชื่อเสียง ย่อมต้องมีคุณธรรมปัญญาอ่อนโยนดีงาม จะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างโหดร้ายได้อย่างไร กลับเป็นนางที่ดุร้ายไร้เหตุผลจนขึ้นชื่อ กล่าวว่าสำหรับนายหญิงใหญ่แล้ว ความผิดนี้ย่อมเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว
แม้จะรู้สึกว่านายหญิงใหญ่จัดการเรื่องอย่างไม่เป็นธรรม แต่ต่อให้พานหมิ่นไม่ฟังเหตุผลเพียงใด ก็ไม่กล้าโต้เถียงพ่อแม่สามี ขอบตาแดงเรื่อขึ้นมาทันที