เห็นทั้งสองพูดคุยกันสนิทสนม ฝูหรงร้อนใจจนเหงื่อออกเต็มศีรษะ บิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ต่งเหรินขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเจ้าชู้ เกิดมีเรื่องพัวพันกับเขาเข้าจริง พานหมิ่นคว่ำไหน้ำส้มไม่พูดถึง วันหน้าหลวนอวิ๋นชูยังจะยืนอยู่ในจวนได้อย่างไร
“สะใภ้สี่ ท่านกับคุณชายสามก็ไม่ใช่เด็กแล้ว นี่…ขัดต่อจารีตและศีลธรรมอันดี ถ้าแพร่งพรายออกไป…”
“ชู่…เงียบเสียงหน่อย” หลวนอวิ๋นชูโบกๆ มือ ขยับเข้าไปพูดข้างหูนาง “ระวังจะถูกคนได้ยิน”
ฝูหรงสะดุ้งเฮือก ยิ่งทำท่าคล้ายขโมย ดวงตากวาดมองไปรอบด้านด้วยท่าทางกระวนกระวาย กลัวยิ่งว่าเวลานี้จะมีใครโผล่ออกมาเห็นภาพที่ไม่งดงามนี้เข้า
จะอย่างไรก็เป็นทหาร ทั้งอยากโอ้อวดฝีมือต่อหน้าหญิงงาม ต่งเหรินจึงไม่ได้ปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวังเช่นคนทั่วไป หากแต่กระโดดขึ้นลงไม่กี่ครั้ง เขาก็พุ่งขึ้นไปถึงยอดไม้ไม่ต่างอะไรกับวานร
รังนกตั้งอยู่บนปลายกิ่งไม้ด้านที่ยื่นไปทางทะเลสาบ ปีนขึ้นไปถึงข้างกิ่งไม้กิ่งนั้น ต่งเหรินลองเขย่าดูว่ารับน้ำหนักคนไหวหรือไม่ แล้วค่อยๆ คืบคลานขยับไปที่ปลายกิ่งไม้ กระทั่งเพียงยื่นมือไปก็จะแตะถูกรังนกแล้ว ต่งเหรินจึงเป่าปากด้วยความโล่งอก หันหน้ามาทางหลวนอวิ๋นชูอย่างอวดโอ่
เห็นเขาหันหน้ามา หลวนอวิ๋นชูก็แย้มยิ้มสดใส
จิตใจเคลิ้มลอยไปชั่วขณะ ร่างของต่งเหรินโงนเงนเกือบจะร่วงหล่นลงมา
“พี่สาม…ระวัง!”
หลวนอวิ๋นชูสีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ต่งเหรินคว้ากิ่งไม้ประคองตัวไว้ได้ สงบจิตสงบใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยกมือโบกให้นางพลางชี้ไปที่รังนก ขณะจะหมุนตัวไปนั่นเอง จู่ๆ หลวนอวิ๋นชูก็สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงก่อนกรีดร้องขึ้น
“หมู่ตัน เจ้าจะทำอะไร!”
หมู่ตันไม่ใช่ตายไปแล้วหรือ จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร
ได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมและเศร้ากำสรด นึกถึงว่าหมู่ตันตายอยู่ที่นี่ ต่งเหรินเพียงรู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบ กวาดตามองไปรอบด้านด้วยความตื่นตระหนก ไหนเลยจะมีเงาร่างคน จึงมองไปที่หลวนอวิ๋นชูด้วยความฉงนสงสัย
“พี่สามรีบหลบไป หมู่ตันจะจับท่าน!” สีหน้าของหลวนอวิ๋นชูยิ่งซีดเผือด สองมือยกขึ้นปิดหู มองไปที่ด้านหลังต่งเหรินด้วยท่าทางหวาดผวา “หมู่ตัน รีบหยุดมือ!”
สายลมบางเบาพัดโชยมา ต้นไม้ที่ด้านหลังส่งเสียงดังสวบสาบ ผสมผสานกับเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวจนขนพองสยองเกล้า ฝูหรงไหนเลยจะกล้ามอง นางหลับตา กอดบ่าสองข้างของหลวนอวิ๋นชูไว้แน่น ส่งเสียงร้องขึ้น
ต่งเหรินที่เดิมก็ขนลุกชันอยู่แล้ว เห็นฝูหรงเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งหวาดผวา เพียงรู้สึกเย็นวาบที่ข้างหูคล้ายมีเงารางๆ ยืนอยู่ข้างหลัง เขาถึงกับลืมไปแล้วว่าตนเองยืนอยู่บนต้นไม้ ส่งเสียงร้อง “อ๊าก” ออกมาคำหนึ่ง ร่างพุ่งไปข้างหน้า เท้าเหยียบลงบนความว่างเปล่า ร่างร่วงลงไปในทะเลสาบลั่วเยี่ยน พริบตาเดียวก็จมหายไปไม่เห็นร่องรอย
ระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไปเป็นชั้นๆ ทำลายความสงบราบเรียบของผิวน้ำในทะเลสาบ เสียงตูมดังขึ้นมาชั่วขณะ ยิ่งขับเน้นถึงความเงียบสงัดอึมครึมที่อยู่รอบด้าน
“ไม่มีอะไรแล้ว” หลวนอวิ๋นชูตบๆ หลังฝูหรง “รีบปล่อยมือ”
ฝูหรงที่กอดหลวนอวิ๋นชูไว้แน่นลืมตาขึ้นมาช้าๆ มองไปบนยอดไม้อย่างอกสั่นขวัญแขวน เห็นกิ่งไม้ที่ต่งเหรินเคยยืนอยู่ยังแกว่งไปมา รังนกที่ปลายกิ่งก็โยกคลอนตามไปด้วย ประหนึ่งพริบตาถัดมาก็จะร่วงหล่นลงมา
ไหนเลยจะมีเงาร่างของหมู่ตัน แม้แต่ต่งเหรินที่ยังยืนอยู่เมื่อครู่ก่อนก็ไม่มีแล้ว หลังปลุกปลอบใจให้กล้าแล้วกวาดตามองทั่วๆ รอบหนึ่ง ฝูหรงจึงเอ่ยถามด้วยความขลาดกลัว
“คุณชายสามเล่าเจ้าคะ” ฝูหรงเกาะหลวนอวิ๋นชูไว้แน่น ก่อนจะร้องเสียงแหลมขึ้นมา “สวรรค์! หรือคุณชายสามถูกพี่หมู่ตันจับตัวไปแล้ว!”
เพิ่งจะสิ้นเสียงผิวน้ำในทะเลสาบพลันกระเพื่อมไหว ต่งเหรินดิ้นรนโผล่ศีรษะขึ้นมา สองมือกวัดแกว่งขึ้นมาข้างบนไม่หยุด พยายามจะไขว่คว้าอะไรบางอย่างสุดชีวิต
“ช่วยด้วย!”
พอต่งเหรินอ้าปาก น้ำก็เข้าไปในปากหลายอึก พริบตาเดียวก็จมลงไปอีกครั้ง