นึกถึงเรื่องไม่สบายใจเมื่อครู่ สี่จวี๋พลันหยุดชะงัก
ทุกคนไม่มีใครพูดต่อเสียงจึงเงียบลง เพียงได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบย่ำไปบนถนนที่ปูด้วยหินศิลาเขียว เกิดเป็นเสียงตุบๆ ตับๆ
ตรงปากทางแยก เด็กรับใช้สองคนพาลู่เซวียนเดินสวนมา จู่ๆ บังเอิญได้มาพบหน้ากัน หลวนอวิ๋นชูยืนนิ่งไม่ขยับด้วยสัญชาตญาณ ร่างพลันแข็งค้าง ลู่เซวียนเองก็หยุดฝีเท้าราวกับเป็นรูปปั้นดินเหนียว ดวงตาลึกล้ำดุจสระน้ำดำมืดคู่นั้นบนใบหน้าคมคายมองมาที่หลวนอวิ๋นชูอย่างทึ่มทื่อ
แสงและเงาทับซ้อนกัน ได้เห็นดวงตาที่คุ้นเคยคู่นี้อีกครั้ง หลวนอวิ๋นชูพลันรู้สึกราวกับอยู่ในฝัน ได้พบเจอเขาในชาติก่อนอีกครั้ง…
‘กินอีกสักหน่อยเถิด เธอผอมขนาดนี้ ไม่กินให้อิ่มจะเอาแรงที่ไหนมาลดความอ้วน’
‘เหลยกงเถิงเป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรง เวลานำมาปรุงยาจะต้องลอกผิวออกให้เกลี้ยง รวมทั้งผิวชั้นในและผิวตรงร่อง’
‘แม้แต่สิบแปดต้องห้ามยังจำไม่ได้ ไม่ตั้งอกตั้งใจอย่างนี้ จะรักษาโรคให้คนอย่างไร ต้องมีคนตายแน่!’
อยู่มหาวิทยาลัยสี่ปีเขาก็ยืนอยู่ข้างหลังนางเช่นนี้มาโดยตลอด รักและตามใจนาง คอยบ่นจุกจิกหยุมหยิม คอยปกป้องนางไม่ว่าจะอยู่ในที่ที่นางมองเห็นหรือไม่ ขอเพียงอยู่ในที่ที่มีเขาก็จะเต็มไปด้วยความสุขเล็กๆ น้อยๆ
หลวนอวิ๋นชูสายตาพร่าเลือน ออกจะไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันนี้เป็นจริงหรือไม่ เพราะเหตุใดนางยังสามารถเห็นดวงตาที่ลุ่มลึกคู่นี้ได้อีก มองเห็นความรักที่อยู่ข้างใน มองเห็นความสงสารเห็นอกเห็นใจที่อยู่ข้างใน ประหนึ่งเขายังคงอยู่ข้างกายนางมาโดยตลอด ไม่เคยจากไปไหน…
“อวิ๋นชู สุข…สบายดีกระมัง”
เสียงทุ้มต่ำเจือความฝาดขม ลู่เซวียนจ้องมองนางด้วยแววตาอบอุ่น
ได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริง หลวนอวิ๋นชูจึงพบว่าตนเองกำลังมองลู่เซวียนอย่างเหม่อลอย ริ้วแดงผุดขึ้นมาเต็มสองข้างแก้มทันที ราวกับทุกคนต่างได้ยินเสียงหัวใจเต้นตูมตามของนาง หลวนอวิ๋นชูรีบลนลานก้มหน้าลง
เฮ้อ สี่จวี๋คงไม่คิดว่าข้าลุ่มหลงบุรุษกระมัง
“บังอาจยิ่งนัก!” สี่จวี๋ตวาดเสียงเฉียบขาด “นามของสะใภ้สี่ให้ท่านเรียกได้หรือ!”
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที ทุกคนต่างหันไปมองลู่เซวียน
ลู่เซวียนใบหน้าแดงก่ำ
“คิดว่าพี่สี่จวี๋คงยังไม่รู้จัก” เห็นลู่เซวียนจะบันดาลโทสะ เด็กรับใช้ที่นำทางรีบไกล่เกลี่ยให้ลงเอยกันด้วยดี “ท่านนี้คือบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงของเมืองหลวนเฉิง จ้วงหยวนในปีที่สิบสองแห่งฮ่องเต้โม่ตี้ บัณฑิตลู่แห่งกองอาลักษณ์” แล้วหันไปทางลู่เซวียน “นางชื่อสี่จวี๋ เดิมอยู่ข้างกายนายหญิงใหญ่ ไม่เคยพบท่านมาก่อน”
ลู่เซวียนทั้งเย่อหยิ่งและสง่างาม ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมาที่จวนกั๋วกง สี่จวี๋ย่อมไม่รู้จัก เมื่อครู่พอเห็นเขาเข้ามาสี่จวี๋ก็จะดึงหลวนอวิ๋นชูหลบไป ไหนเลยจะรู้ หลวนอวิ๋นชูคล้ายไม่ได้ยิน กลับมองสบตากับลู่เซวียนอย่างเหม่อลอย มองจนสี่จวี๋ทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว