เดิมนายหญิงใหญ่คิดจะทำเช่นที่เหยาหลันกล่าว เก็บลูกกุญแจมาเสียเลย คิดไม่ถึงว่าต่งกั๋วกงชิงพูดขึ้นเสียก่อน ไม่สะดวกจะโต้แย้งต่อหน้าทุกคน นางได้แต่แอบถอนใจ ไม่พูดอะไรอีก
เช่นนี้ถูกต้องแล้ว ทำประตูก็เพื่อให้คนเดินเข้าออก เพียงเพราะสำลักจึงเลิกกินอาหารได้อย่างไร ไม่เสียทีที่เป็นต่งกั๋วกง พบเห็นมามาก มีความรู้กว้างขวางเข้าใจเหตุผล ได้ยินคำพูดนี้แล้วหลวนอวิ๋นชูนอกจากรู้สึกซาบซึ้งใจแล้ว ยังชมต่งกั๋วกงอย่างไม่ตระหนี่ถ้อยคำ กลับไม่รู้ว่านี่ไม่ใช่เจตนาดีอะไร ที่ต่งกั๋วกงทำเช่นนี้เพียงอยากใช้นางเป็นเหยื่อล่อเพื่อแผนการอันยิ่งใหญ่ของเขา
เห็นทุกคนไม่มีใครพูดอะไร หลวนอวิ๋นชูนึกถึงเมื่อวานซวงเอ๋อร์ถูกนายหญิงใหญ่เรียกมาสอบถาม ทั้งคืนไม่ได้กลับไปจึงตั้งใจจะถามถึง ไม่แน่อาจช่วยชีวิตสาวใช้น้อยที่หุนหันบุ่มบ่ามผู้นี้ได้ ขณะจะเปิดปากก็ได้ยินสาวใช้คนหนึ่งเข้ามารายงาน
“เรียนนายท่าน นายหญิงใหญ่ อาหารเช้าส่งมาแล้ว จะตั้งโต๊ะตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ”
“ตั้งโต๊ะเถิด”
นายหญิงใหญ่รับคำอย่างไร้เรี่ยวแรง
หลังกินอาหารเสร็จต่งกั๋วกงไปที่ห้องหนังสือนอก ทุกคนต่างห้อมล้อมนายหญิงใหญ่กลับไปที่ห้องโถง พากันนั่งลงอีกครั้ง เห็นต่งซิ่น ต่งอี้ ต่งเหอคุณชายน้อยทั้งสามตามเข้ามาด้วย นายหญิงใหญ่จึงเอ่ยถาม
“วันนี้ไม่ต้องไปสำนักศึกษาหรือ ถึงได้พากันตามเข้ามา”
ต่งอี้ต่งเหอชอบความเรียงบทกวี แต่ไรมาก็เลื่อมใสพี่สะใภ้สี่ที่มีความสามารถปราดเปรื่องผู้นี้ วันนี้เห็นนางมาแล้วก็ดีอกดีใจเป็นพิเศษ หลังจากกินอาหารแล้วย่อมต้องตามเข้ามาห้อมล้อม ประหนึ่งผู้ติดตามดาราตัวน้อยสองคน
ต่งซิ่นไม่ยอมถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ย่อมต้องตามน้องชายสองคนเข้ามาด้วย เห็นนายหญิงใหญ่ถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน ใบหน้าก็แดงเรื่อขึ้นมาทันทีพลางมองไปที่ต่งเหอ เขาไม่มีมารดาตั้งแต่เล็ก อยู่กับนายหญิงใหญ่มาโดยตลอด จึงเกรงกลัวมารดาที่น่าเกรงขามผู้นี้อย่างมาก
ต่งเหอแลบลิ้นให้ต่งซิ่นแล้วหมุนตัวไป เงยหน้าบอกนายหญิงใหญ่
“เรียนท่านแม่ ลูกเห็นว่ายังเช้าอยู่ อยากจะขอให้พี่สะใภ้สี่ช่วยแต่งบทกวีสักบท เอาไปให้ท่านอาจารย์ดู เขาจะได้ไม่เอาแต่วางท่าสูงส่งทั้งวัน ราวกับว่าในจวนแห่งนี้นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครแต่งบทกวีได้อีก!”
แต่งบทกวี! ข้าแต่งเป็นเสียที่ใดกัน กระทั่งตัวอักษรยังไม่รู้จัก
ได้ยินต่งเหอบอกอยากจะขอให้ช่วยแต่งบทกวีจะเอาไปให้อาจารย์ดู หลวนอวิ๋นชูก็ใจเต้นรัวขึ้นมา ปลายจมูกมีเหงื่อผุด ก้มหน้าลงศึกษาพิจารณารองเท้าผ้าด้ายดิบ ดูว่าจะมีบทกวีออกมาสักบทหรือไม่
ฝูหรงแอบดึงแขนหลวนอวิ๋นชูเบาๆ จะให้นางรับปาก
ช่วงนี้พวกนางถูกกดขี่รังแกไม่น้อย วันนี้ถือโอกาสแสดงฝีมือให้ทุกคนได้ประจักษ์ในความสามารถอันยอดเยี่ยมแห่งยุคของนางข่มขวัญคนเหล่านี้เสียบ้าง
ความคิดไม่เลว แต่ฝูหรงไหนเลยจะรู้ว่าสะใภ้สี่ของนางเปลี่ยนดวงวิญญาณไปแล้ว แต่งบทกวีไม่ได้ ยังจะมีความสามารถยอดเยี่ยมแห่งยุคอะไรอีก
เห็นต่งเหอสองตาเปล่งประกาย มองหลวนอวิ๋นชูด้วยความเลื่อมใสศรัทธา นายหญิงใหญ่พลันนึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินพานหมิ่นเล่าว่าเห็นต่งเหอกับหลวนอวิ๋นชูอยู่ด้วยกัน จูงมือกันไม่พูดถึง หลวนอวิ๋นชูยังลูบไล้ใบหน้าของเขาอีกด้วย สีหน้านางจึงเคร่งขรึมลง