ฝีมือศิลปะของบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคสูญหายไปทั้งหมด ทำให้หลวนอวิ๋นชูต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างตัวสั่นงันงกทุกวัน ดีที่เวลานี้นางต้องครองตัวเป็นม่าย นายหญิงใหญ่ไม่ชอบให้นางเล่นสำบัดสำนวนแต่งโคลงกลอน การไม่รู้หนังสือแต่งบทกวีไม่ได้จึงยังพอถูไถใช้ชีวิตผ่านไปได้
แต่งานเย็บปักถักร้อยก็ไม่เหมือนกันแล้ว นี่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นแม่บ้านแม่เรือนของสตรีในสมัยโบราณ ไม่มีแม่สามีคนใดชอบลูกสะใภ้ที่ไม่จับเข็มไม่จับด้าย แม้จะบอกมีสาวใช้ช่วยทำให้ แต่บางครั้งบางงานเพื่อชื่อเสียงก็ยังคงต้องลงมือทำด้วยตนเอง นี่จะให้นางซุกซ่อนอย่างไร
ถ้าแต่ก่อนฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยไม่ดีก็แล้วไปเถิด นายหญิงใหญ่จะกดนางไว้ไม่ให้แสดงฝีมือเย็บปักถักร้อยที่เทียบได้กับของในรั้วในวังหรือ
ทำเช่นนั้นก็แปลกแล้ว!
คิ้วของหลวนอวิ๋นชูค่อยๆ ขมวดแน่นเป็นปม
หลี่หวาผู้นั้นก็เป็นคนที่รู้จักพิจารณาคำพูดและสังเกตสีหน้าผู้อื่น เห็นหลวนอวิ๋นชูขมวดคิ้วก็หยุดพูด
“ครั้งนี้หลี่มามาพาคนมาเท่าไร”
“ทั้งหมดสี่สิบหกคน รออยู่ในห้องโถงเล็กทั้งหมด ท่านเลือกดูก่อน ถ้าไม่มีคนที่พอใจ พรุ่งนี้ข้าจะพามาอีกกลุ่มหนึ่ง”
ขณะพูดทั้งกลุ่มก็เข้าประตูมา เดินมาตามระเบียงทางเดินเส้นหนึ่ง มีประตูสี่ห้าบาน พ่อบ้านเฮ่อเดินไปพลางแนะนำให้หลวนอวิ๋นชูรู้จักสถานที่ไปพลาง เหล่าสาวใช้และหญิงรับใช้สูงวัยก็พากันขยับตัวไปชิดผนังทำความเคารพ เท้าไม่ได้หยุด หลวนอวิ๋นชูเดินตามพ่อบ้านเฮ่อมาถึงห้องโถงเล็ก
เดินอ้อมผ่านฉากบังลมขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้หวงฮวาหลีทาสีทองประดับเตี่ยนชุ่ยก็เห็นคนยืนอยู่ในห้องเต็มไปหมด พอเห็นพวกนางเข้ามาก็ยืดหน้าอกขึ้นทันที
เรียงสี่แถว สามแถวหน้าเป็นแม่นางน้อยอายุสิบกว่าปี สวมเสื้อกันหนาวลายดอกสีเหลืองอ่อน กระโปรงลายดอกสีฟ้าเหมือนกันหมด แถวหลังสุดเป็นหญิงอายุราวสามสิบสี่สิบปี ที่หน้าอกของทุกคนมีป้ายเล็กๆ สีส้มห้อยอยู่ เขียนหมายเลขไว้ หลวนอวิ๋นชูมองป้ายหมายเลขที่เหมือนกับการประกวดสาวงามในสมัยปัจจุบันแล้วก็ยิ้ม
หลี่หวาผู้นี้คงไม่ใช่ทะลุมิติมากระมัง
“ทั้งหมดมีเด็กสาวสามสิบคน หญิงสูงวัยสิบหกคน ล้วนอยู่ที่นี่แล้ว” หลี่หวาพูดจบก็หันไปทางกลุ่มคน “นางก็คือสะใภ้สี่ บัณฑิตหญิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองหลวนเฉิงเรา ครั้งนี้นางก็คือผู้ที่ต้องการคน ถ้าได้รับเลือกก็เป็นโชควาสนาของพวกเจ้าแล้ว” ก่อนบอกอีกว่า “ทุกคนต่างรู้ดี ค่าตอบแทนของจวนกั๋วกงแห่งนี้นับว่าหาได้ยากในเมืองหลวนเฉิง!”
“คารวะสะใภ้สี่!”
คนสี่สิบหกคนย่อเข่าลงทำความเคารพพร้อมกัน เสียงและการเคลื่อนไหวพร้อมเพรียงกันอย่างน่าประหลาด สามารถประชันกับกองทหารเกียรติยศขบวนใหญ่ในสมัยปัจจุบันได้เลย รับการคารวะแล้ว หลวนอวิ๋นชูก็อดมองหลี่หวาอย่างชื่นชมไม่ได้