อู่หยวนลั่วกับลิ่นเฉิงโย่วนั่งประจันหน้าดื่มน้ำชากันในร้านจวี๋ซวง
สีหน้าอู่หยวนลั่วย่ำแย่ยิ่งนัก อันที่จริงวันนี้เขาต้องตามเสด็จออกนอกเมืองไปล่าสัตว์ ไปได้ครึ่งทางก็ถูกลิ่นเฉิงโย่วขวางเอาไว้ เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ลิ่นเฉิงโย่วก็อ้างเหตุผลว่าต้องการตรวจสอบรายละเอียดคดี แล้วเชิญเขามาที่ร้านจวี๋ซวง
สถานที่แห่งนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังบังเอิญมานั่งตรงริมหน้าต่างอีก เขาคิดถึงภาพเหตุการณ์ตอนน้องสาวคนโตเกิดเรื่องในคืนนั้นก็แทบจะนั่งไม่ติดที่เลยสักชั่วขณะเดียว
แต่เขารู้ดีว่าหากไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงลิ่นเฉิงโย่วไม่มีทางนัดเขามาสถานที่เช่นนี้เด็ดขาด จึงกล้ำกลืนฝืนทนดื่มน้ำชาคำหนึ่ง ก่อนจะถามเสียงแหบแห้งว่า “นัดข้ามามีธุระอันใด”
ลิ่นเฉิงโย่วมองสำรวจอู่หยวนลั่ว ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันก็ซูบผอมไปไม่น้อย ในครอบครัวเกิดเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ อู่หยวนลั่วในฐานะบุตรชายคนโตของสกุลอู่คงจะยุ่งจนหัวหมุน
หลังคาดการณ์ว่าปล่อยให้บรรยากาศอึมครึมเกือบจะคุกรุ่นแล้วเขาก็เอ่ยปากถามตรงประเด็น “บอกมาเถอะ คืนนั้นเหตุใดเจ้าถึงจงใจเข้าใกล้คุณหนูเถิง”
อู่หยวนลั่วไม่คิดว่าพอลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยปากก็จะถามเรื่องนี้ เขาจ้องมองลิ่นเฉิงโย่วครู่หนึ่งก็ตอบอย่างเฉยชา “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยหรือ”
เหลวไหล ต้องเกี่ยวข้องกับข้าอยู่แล้วสิ ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มหยัน “เจ้ารู้จักคุณหนูเถิงได้อย่างไร”
อู่หยวนลั่วเพ่งมองลิ่นเฉิงโย่วต่อ อยู่ๆ ก็คลี่ยิ้มพลางว่า “มิน่าเล่าวันนั้นบนเขาหลีซานเจ้าถึงได้หวังดีให้ยืมป้ายหยก ข้าน่าจะมองความรู้สึกที่เจ้ามีให้คุณหนูเถิงออกนานแล้ว เจ้ามีเจตนาก่อกวนก็เพราะกลัวว่าข้าจะเข้าใกล้นางกระมัง”
ลิ่นเฉิงโย่วมิได้เอ่ยตอบคำถามนี้ เพียงเอ่ยยิ้มๆ “อู่หยวนลั่ว คนเช่นเจ้าหยิ่งทะนงไม่เห็นใครในสายตามาแต่ไหนแต่ไร เหตุใดจู่ๆ มานึกสนใจคุณหนูเถิงได้ นางมาถึงฉางอันไม่นาน อย่างมากที่สุดเจ้าคงเคยเห็นรูปร่างหน้าตาของนาง ส่วนนิสัยใจคอจะเป็นอย่างไรเจ้ายังไม่เข้าใจชัดเจน ทำให้พอได้ขึ้นเขาหลีซานเจ้าก็อดใจรอไม่ไหว บอกให้น้องสาวช่วยเจ้าหาโอกาสใกล้ชิดนาง”
อู่หยวนลั่วแค่นเสียงหัวเราะ “ศาลต้าหลี่งานยุ่งมากไม่ใช่หรือ หากเจ้าเพียงอยากสอบถามเรื่องน่าเบื่อพวกนี้ข้าไม่มีเวลามานั่งเป็นเพื่อนหรอก”
“จะน่าเบื่อหรือไม่เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ” รอยยิ้มลิ่นเฉิงโย่วเลือนหาย “ให้ข้าคาดเดาเล่นๆ เจ้าคงได้ยินคนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าท้อใช่หรือไม่ เขาวงกตของอารามนักพรตหญิงอวี้เจินชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า คุณหนูเถิงไปเที่ยวเล่นที่อารามเป็นครั้งแรก ตามหลักแล้วไม่น่าจะคุ้นเคยกับปริศนาในอาราม แต่นางกลับแก้ปริศนาของไน่จ้งแล้วพาสหายหลบหนีเอาชีวิตรอดได้สำเร็จ เจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วจะต้องอยากรู้เรื่องของเด็กสาวที่เฉลียวฉลาดมีไหวพริบผู้นี้แน่”
อู่หยวนลั่วนิ่งเงียบไป ทว่าสีหน้าของเขาบอกทุกอย่างหมดแล้ว
“ฉางอันไม่เคยขาดคุณหนูผู้เลอโฉมงามสง่า อู่หยวนลั่ว เจ้าเติบโตท่ามกลางความงามวิจิตรมาตั้งแต่เล็ก เมื่อพบเจอเด็กสาวลักษณะเช่นนี้จะรู้สึกว่าไม่น่าสนใจ ทว่าคุณหนูเถิงกลับแตกต่างออกไปแล้ว สิ่งที่นางทำในวันนั้นทำให้เจ้าต้องมองนางใหม่ เจ้ามีฉายาว่าเด็กอัจฉริยะ แต่ปฏิภาณไหวพริบของเด็กสาวผู้นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ด้อยไปกว่าเจ้าเลย หลังจากนั้นเจ้ายังได้ยินเรื่องราวหลายอย่างเกี่ยวกับนางจากคำบอกเล่าของใครบางคน จึงยิ่งมีใจใฝ่หาคุณหนูเถิงมากขึ้นไปอีก ต่อมาไม่นานในที่สุดเจ้าก็มีโอกาสได้เข้าใกล้นางจึงลงมือ”
อู่หยวนลั่วยิ้มบางๆ “หญิงสาวงามแช่มช้อย ชายหนุ่มล้วนหมายปอง ลิ่นเฉิงโย่ว เจ้าก็สนใจคุณหนูเถิงเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
ลิ่นเฉิงโย่วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาฉับพลัน “ครั้งนั้นตอนอยู่บนเขาหลีซานเจ้าจึงหาข้ออ้างเข้ามาใกล้ชิดคุณหนูเถิง ตกลงเป็นความคิดของเจ้าหรือว่า…”
ทันใดนั้นอู่หยวนลั่วรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาใคร่ครวญชั่วครู่ก็เอ่ยว่า “พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
“ตอบข้ามาตามตรงเถอะ”
แม้อู่หยวนลั่วจะมีข้อกังขาในใจเต็มไปหมด แต่ก็ยังตอบคำถามอยู่ดี
ลิ่นเฉิงโย่วนิ่งงัน หากไม่ได้หาข้อพิสูจน์กับคนที่เกี่ยวข้อง ใครก็คงไม่คาดคิดว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้
“ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากรู้เช่นกัน จะบอกได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเจ้าถึงรักอู่เซียงน้องสาวคนโตมากกว่า”
พอฟังคำอธิบายของอู่หยวนลั่วจบ ในใจลิ่นเฉิงโย่วก็มีคำตอบแล้ว
“เจ้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนช่วงสองสามวันก่อนเทศกาลอวี้ฝอ รวมถึงหลังพี่น้องของเจ้าออกมาจากจวนในคืนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เล่ามาตั้งแต่ต้นจนจบ อย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว”