ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 106
คุณหนูใหญ่เผิงกับคุณหนูรองเผิงถลึงตามองอู่ฉี่อย่างเคียดแค้น ยิ่งซักไซ้ลงลึกไปเท่าไร คนที่โดนลากเข้ามาพัวพันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น เอะอะโวยวายจนท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้จะต้องกลายเป็นเรื่องคลุมเครือแน่ เลวร้ายที่สุดคืออาศัยเพียงคำให้การของสาวใช้บ้านตนเองไม่มีทางพิสูจน์ได้เลยว่าจอกสุรามีคนจงใจมาชนให้หก
ในช่วงเวลาที่กำลังวุ่นวายนี้มีคนปรบมือเสียงดังขึ้นมา “เยี่ยมๆๆ มิน่าเล่าถึงสามารถวางกลอุบายแยบยลไร้รอยตะเข็บปานนี้ได้ เพราะอาศัยทักษะการพูดพล่ามไปเรื่อยนี่เอง เพียงพอให้หลอกใครหลายคนได้แล้ว”
คนที่เอ่ยปากขึ้นมาก็คือลิ่นเฉิงโย่ว
ทุกคนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว
ลิ่นเฉิงโย่วคลี่ยิ้มเอ่ยต่อ “ไม่ต้องพูดถึงว่ากระดาษคัดบทกวีสองแผ่นนี้อยู่ในมือหลูจ้าวอันตอนใด เอาเป็นว่าเริ่มจากภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ ใช่แล้ว ในงานเลี้ยงเสียงดังเอะอะน่าดู เพราะสาเหตุนี้คนผู้นั้นถึงได้กล้าบิดเบือนข้อเท็จจริง บังเอิญว่าศาลต้าหลี่มีเป้าหมายน่าสงสัยอยู่แต่แรก ดังนั้นทุกการกระทำความเคลื่อนไหวของคนบางส่วนจึงเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด เจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียน รบกวนท่านเล่าให้ฟังสักหน่อยว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น”
เหยียนว่านชุนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “หลังข้าผู้แซ่เหยียนเข้าสู่งานเลี้ยงก็จับตาดูผู้ต้องสงสัยรายนั้นมาตลอด ตอนเกิดเรื่องในมือคุณหนูเผิงถือจอกสุราอยู่ มีสาวใช้ยืนรอปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ตอนคุณหนูเผิงยกจอกสุราขึ้นมาดื่มนั้นมีแผ่นหลังของใครคนหนึ่งกระแทกร่างสาวใช้อย่างแรง สุราจึงหกออกมาเพราะสาวใช้ไปชนคุณหนูเผิง แต่เพราะจวิ้นอ๋องมาถึงแล้ว คนที่อยู่ในงานต่างยุ่งอยู่กับการลุกขึ้นคารวะ เมื่อเกิดความวุ่นวายคุณหนูเผิงกับสาวใช้จึงไม่สนใจซักถามเรื่องนี้อีก หลังจากนั้นคุณหนูเผิงก็รีบร้อนลุกจากงานเลี้ยงไปจัดการเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย สาวใช้ประคองคุณหนูเผิงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะคำนวณเวลาเอาไว้อย่างแม่นยำเหลือเกิน ถึงแม้ภายหลังจะมีการซักไซ้เอาคำตอบก็เป็นเพียงเรื่องคลุมเครือไปเรียบร้อย โชคดีที่ข้าผู้แซ่เหยียนมองเห็นชัดเจนทีเดียว คนที่ชนกับสาวใช้สกุลเผิงในตอนนั้น…” เขามองไปทางอู่ฉี่ด้วยสายตาเคร่งขรึม “ก็คือคุณหนูอู่”
อู่ฉี่สีหน้าฉายแววงุนงงเต็มเปี่ยม
เหยียนว่านชุนกล่าวต่อ “เพราะว่าถูกท่านชนเข้าเช่นนี้ คุณหนูรองเผิงกับสาวใช้จึงจำต้องลุกออกไป ตอนสาวใช้เดินไปนั้นยังชนเข้ากับหลูจ้าวอันที่เร่งเดินทางมาถึงงานเลี้ยง จะประจวบเหมาะอะไรปานนี้ หลูจ้าวอันก็ทำกระดาษคัดบทกวีพวกนั้นร่วงหล่นต่อหน้าทุกคนพอดี…”
คุณหนูใหญ่เผิงกับคุณหนูรองเผิงคาดไม่ถึงว่าจะมีคนเป็นพยานตอนเกิดเรื่องได้ อีกทั้งคนผู้นี้ยังเป็นถึงขุนนางศาลต้าหลี่ จึงเบื้อใบ้ไปชั่วขณะ
ลิ่นเฉิงโย่วมองหน้าอู่ฉี่ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “คิดไม่ถึงใช่หรือไม่ เป็นเจ้านั่นล่ะที่ชน ไม่ใช่ใครอื่น เรื่องนี้จะไปกล่าวโทษคนรอบข้างไม่ได้”
อู่ฉี่พูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ ก่อนยิ้มเจื่อนๆ อย่างจนปัญญา “ขออภัยด้วย ต้องโทษที่ข้าความจำไม่ค่อยดี หรือบางทีคงเล่นสนุกสาแก่ใจเกินไป ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าตนเองไปชนใครเข้า คุณหนูรองเผิง เมื่อครู่ข้าก็สับสนไปหมด อารามรีบร้อนจึงไม่ได้สังเกตให้ดี ข้าขออภัยเจ้าด้วยแล้วกันนะ”
คุณหนูรองเผิงมีท่าทีเย็นชาไม่ตอบคำ คนรอบข้างกลับเชื่อถือคำพูดของอู่ฉี่ไปมากกว่าครึ่ง อย่างไรเสียคำให้การของเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนก็พิสูจน์ได้เพียงว่าอู่ฉี่เคยชนสาวใช้สกุลเผิงจริง แต่ไม่อาจตัดสินได้ว่าอู่ฉี่เจตนาหรือไม่ได้เจตนา
จะว่าไปเวลาเล่นสนุกอย่างมีความสุข ใครจะมาสนว่าตนเองไปชนใครเข้า ฉะนั้นสายตาโกรธแค้นของนางจึงไปพุ่งตรงไปยังหลูจ้าวอันอีกครั้ง หากมิใช่เพราะคนผู้นี้จงใจพูดจาบ่ายเบี่ยง เผิงจิ่นซิ่วกับอู่ฉี่จะถูกดึงเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
ลิ่นเฉิงโย่วพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ “คุณหนูอู่ความจำไม่ค่อยดี เรื่องนี้ก็ไม่อาจตำหนิอะไรได้ แต่ว่าเมื่อมีคำให้การของเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียน อย่างน้อยก็สามารถอธิบายได้ว่าคุณหนูรองเผิงไม่ได้มีเจตนาจะออกจากงานเลี้ยง คนที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลยสักนิดจะยัดกระดาษคัดบทกวีใส่ในมือบัณฑิตหลูได้อย่างไร บัณฑิตหลู เจ้ายังยืนกรานว่าสาวใช้สกุลเผิงยัดกระดาษคัดบทกวีใส่แขนเสื้อเจ้าอีกหรือไม่”
หลูจ้าวอันยืดหลังตรง ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “กระหม่อมผู้แซ่หลูไม่เคยบอกว่าเป็นฝีมือของสาวใช้ผู้นั้นมาตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องที่ว่ากระหม่อมไม่เคยเห็นกระดาษคัดบทกวีสองแผ่นนี้มาก่อนเป็นความจริง บางทีอาจมีคนฉวยโอกาสตอนกำลังวุ่นวายมายัดใส่แขนเสื้อกระหม่อมก็เป็นได้ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย”
ลิ่นเฉิงโย่วราวกับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าหลูจ้าวอันจะกล่าวเช่นนี้ “ได้ เจ้าไม่เคยเห็นกระดาษคัดบทกวีสองแผ่นนี้ แต่ถึงอย่างไรก็น่าจะเคยเห็นหน้านาง” เขากล่าวพลางกวักมือเรียก “พาเข้ามาเถอะ”
เหล่าองครักษ์จินอู๋ควบคุมตัวยายเฒ่าสวมชุดกระโปรงผ้าเนื้อหยาบผู้หนึ่งเข้ามา ยายเฒ่าถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา และมีเศษผ้าอุดปากเอาไว้ด้วย
ด้านหลังยายเฒ่ามีชาวบ้านธรรมดาเดินตามมาด้วยกลุ่มหนึ่ง
ถัดไปอีกเป็นเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่ ในมือเจ้าหน้าที่ยกหีบใส่ของมาด้วยหลายใบ ไม่รู้ว่าภายในหีบเก็บสิ่งใดเอาไว้
ลิ่นเฉิงโย่วชี้ไปทางยายเฒ่าพร้อมถามหลูจ้าวอันว่า “เจ้ารู้จักนางหรือไม่”
หลูจ้าวอันส่ายหน้าอย่างเฉยชา “ไม่รู้จัก”
ลิ่นเฉิงโย่วมองชาวบ้านหลายคนทางซ้ายมือ “เขาบอกว่าไม่รู้จักยายเฒ่าผู้นี้ พวกเจ้าเป็นเพื่อนบ้านของคุณชายหลู อย่างนั้นช่วยเตือนความจำคุณชายหลูสักหน่อยเป็นไร”