ชาวบ้านเหล่านั้นหมอบกราบจรดพื้นไม่กล้าเงยหน้า แต่กลับเอ่ยตอบว่า “คุณชายหลู ท่านจะไม่รู้จักนางได้อย่างไร นี่คือยายเฒ่าหวังที่ขายโจ๊กหวาน คนที่มาขายโจ๊กหวานในตรอกของพวกเราบ่อยๆ อย่างไรเล่า ทุกครั้งเวลายายเฒ่าหวังมาถึงท่านจะต้องออกมาซื้อโจ๊กชามหนึ่ง จำได้ว่าเมื่อวานซืนท่านยังซื้อโจ๊กอยู่เลย”
หลูจ้าวอันแสดงท่าทีจดจำได้โดยพลัน “อ้อ ที่แท้ก็ยายเฒ่าหวัง ขออภัยที่ข้าสายตาเลอะเลือน เห็นนางถูกมัดไว้เช่นนี้จึงจำไม่ได้ ซื่อจื่อ นี่เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือ…”
ลิ่นเฉิงโย่วกลับเอ่ยตัดบท “เอาล่ะ ทางฝั่งคุณชายหลูยืนยันเสร็จแล้ว ต่อจากนี้ได้เวลายืนยันอีกคนแล้ว” เขากล่าวพร้อมมองไปที่ชาวบ้านหลายคนทางขวามือ เห็นพวกเขาตัวสั่นงันงก จึงย่อตัวลงเอ่ยเสียงนุ่มนวล “ไม่ต้องกลัว ประเดี๋ยวพวกเจ้าจะต้องยืนยันตัวคนผู้หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกันดีๆ เถอะ”
ชาวบ้านเช็ดเหงื่อเย็นเยียบ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา
“พวกเจ้าอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับถนนหย่งอันในหลี่เฉวียนฟางใช่หรือไม่”
พวกเขาพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
“เคยเห็นยายเฒ่าผู้นี้หรือไม่”
“เคยเห็นขอรับ นางจะมาขายโจ๊กหวานในตรอกของพวกเราเป็นประจำ”
“เงยหน้าขึ้นมาเพ่งมองให้ละเอียด ทางนั้นมีคนที่พวกเจ้าคุ้นตาบ้างหรือไม่”
ชาวบ้านเหล่านี้มองไปข้างหน้าตามทิศทางที่ลิ่นเฉิงโย่วชี้บอก ไม่นานก็ยืนยันตัวคนผู้หนึ่งได้ “มีขอรับ นางชื่อเจี่ยวเอ๋อร์”
“เหตุใดถึงจำนางได้เล่า”
“นางออกมาซื้อของเป็นประจำ ของที่ซื้อมากที่สุดคือโจ๊กหวานนี่ล่ะ”
“นางคือสาวใช้ของใคร”
“คุณ…คุณหนูรองอู่”
“วันเทศกาลตวนอู่เจี่ยวเอ๋อร์ออกมาซื้อโจ๊กหวานหรือไม่”
หลายคนพยักหน้าอีกครั้ง “มาซื้อขอรับ”
ลิ่นเฉิงโย่วส่งเสียงอุทานแล้วถามว่า “จำได้แม่นยำถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“เพราะโจ๊กหวานของยายเฒ่าหวังไม่ได้รสชาติดีอะไร มิหนำซ้ำนางเป็นถึงสาวใช้ของคุณหนูบุตรสาวขุนนางใหญ่ เทศกาลตวนอู่ในจวนมีของอร่อยถมเถไป ตามหลักแล้วไม่น่าจะสนใจโจ๊กหวานชามหนึ่งได้”
พอถามจบแล้วลิ่นเฉิงโย่วก็หันมาบอกกับทุกคนว่า “หลายวันที่ผ่านมานี้หลูจ้าวอันเตรียมตัวสอบจนแทบไม่ออกจากบ้าน เทศกาลตวนอู่ก็เช่นกัน ในตอนนั้นเขาเพียงออกมาซื้อโจ๊กสองชามตอนยายเฒ่าหวังมาขาย และหลังจากที่เขาซื้อโจ๊กไปไม่นานยายเฒ่าหวังก็เข็นรถจากไปแล้ว ตลอดเส้นทางยายเฒ่าผู้นี้ไม่เคยหยุดพัก จนกระทั่งเดินมาถึงละแวกบ้านคุณหนูรองอู่ถึงค่อยหยุดลงแล้วขายโจ๊กต่อ ประเดี๋ยวเดียวเจี่ยวเอ๋อร์สาวใช้ข้างกายคุณหนูรองอู่ก็ออกมาซื้อโจ๊ก พอขายเสร็จยายเฒ่าก็รีบเข็นรถจากไปเหมือนเดิม เรื่องนี้เพื่อนบ้านทั้งสองฝั่งล้วนเป็นพยานได้
ที่น่าสนใจคือตามรายงานของเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ซึ่งจับตาดูหลูจ้าวอัน ยายเฒ่าหวังที่มองภายนอกดูคล้ายมีชีวิตลำบากยากแค้นผู้นี้ตลอดวันขายโจ๊กไปสามสิบเจ็ดชามเท่านั้น แต่ระยะทางจากอี้หนิงฟางที่หลูจ้าวอันอาศัยอยู่จนถึงตรงกลางของถนนหย่งอันที่คุณหนูรองอู่อาศัยอยู่ อย่างน้อยมีปากทางถนนที่คึกคักห้าแห่ง ยายเฒ่าหวังร้องขายโจ๊กแต่กลับไม่เคยหยุดฝีเท้าตรงที่ใดเลย ต้นทางคือบ้านหลูจ้าวอัน ปลายทางเป็นจวนสกุลอู่
ตอนแรกคุณหนูตู้ทำกระดาษคัดบทกวีหายไป ต่อมากระดาษพวกนี้ก็มาอยู่ในมือหลูจ้าวอัน รวมกับยายเฒ่าหวังผู้นี้ที่เข็นรถผ่านพื้นที่สองฟางเต็มๆ แต่ความจริงขายโจ๊กไปเพียง ‘สามสิบเจ็ดชาม’ เท่านั้น ข้าจึงมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหนูรองอู่ นางรับหน้าที่ขโมยกระดาษคัดบทกวี ส่วนยายเฒ่าหวังรับหน้าที่ส่งต่อมันให้หลูจ้าวอัน”
หลูจ้าวอันกล่าวด้วยความคับแค้นใจ “เหลวไหล! เหลวไหลสิ้นดี ข้าผู้แซ่หลูแม้จะซื้อโจ๊กหวานมาแล้วหลายครั้งกลับไม่เคยพูดคุยกับยายเฒ่าหวังผู้นี้มาก่อน อาศัยเพียงข้อนี้ก็ดึงดันว่าข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว ข้าผู้แซ่หลูไม่กล้ายอมรับหรอก”
อู่ฉี่ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้นะ เจี่ยวเอ๋อร์ ตอนอยู่ข้างนอกเจ้าเคยซื้อโจ๊กหวานหรือไม่”
สาวใช้ผู้นั้นรีบเอ่ยว่า “ข้าน้อยเคยซื้อหลายครั้งจริง แต่ไม่ได้มองหน้ายายเฒ่าผู้นี้ให้ชัดๆ ด้วยซ้ำ นี่คือการปั้นน้ำเป็นตัวแท้ๆ เลย…ไม่สิ ข้าน้อยหมายความว่าอาจจะมีคนจงใจโยนความผิดให้พวกเราหรือไม่เจ้าคะ”