ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 107
“นั่นเป็นเพราะข้าเคยชินกับการปิดบังความคิดที่แท้จริงของตนเองมานานอย่างไรเล่า” ในแววตาอู่ฉี่เผยความเดือดดาล “ปีนั้นท่านพ่อยังเป็นผู้ช่วยตำแหน่งเล็กๆ ในกรมปกครอง มุขมนตรีเจิ้งก็เป็นขุนนางที่มีบทบาทสำคัญในราชสำนักแล้ว เขาชื่นชมความสามารถของท่านพ่อ ตั้งใจจะเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับสกุลอู่ สกุลเจิ้งเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ในฉางอัน ขุนนางที่อยากให้ทายาทแต่งเข้าสกุลเจิ้งมีไม่รู้เท่าไร ข้ากับพี่สาวอายุห่างกันเพียงปีเดียวแท้ๆ ท่านพ่อกลับให้พี่สาวไปหมั้นหมายโดยไม่เสียเวลาคิด ต่อให้พี่สาวกับเจิ้งต้าหลางหลายปีก่อนดวงชะตาขัดกัน พวกเขาทำได้เพียงรอจนถึงปีนี้กว่าจะได้หมั้นหมายอย่างเป็นทางการ ท่านพ่อก็ยังยืนกรานไม่เปลี่ยนใจ นับตั้งแต่ตอนนั้นข้าก็เข้าใจแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดล้วนเก็บไว้ให้ลูกสาวคนโตสุดที่รัก ส่วนลูกสาวคนรองอย่างข้าผู้นี้ได้แต่เก็บของที่เหลือทิ้งจากพี่สาว”
นางหัวเราะด้วยความคับแค้นใจ
“ยังมีท่าน…” อู่ฉี่กัดฟันกรอด “ท่านจำสิ่งที่พี่สาวชอบได้ทั้งหมด แม้แต่ตอนซื้อขนมน้ำตาลปั้นให้นางยังไม่ลืมว่าต้องโรยงา แต่พอเป็นเรื่องของน้องสาวผู้นี้ท่านเคยเก็บมาใส่ใจบ้างหรือไม่ ปีนั้นข้าเคยเดินหลงทางในเขาวงกตของอารามนักพรตหญิงอวี้เจิน ซือไท่ออกไปข้างนอกกะทันหัน ในอารามเหลือเพียงนักพรตหญิงสองสามคนที่ไม่รู้เรื่องกลไก พวกนางกลัวว่าข้าจะเกิดเรื่องจึงรีบไปส่งข่าวที่จวนสกุลอู่ ข้าตั้งตารอให้พี่ชายรีบมาช่วยข้า เพราะใต้หล้านี้ไม่มีปริศนาใดที่พี่ชายข้าไขไม่ได้ ท้องฟ้ายิ่งมืดลงไปทุกที ข้าหวาดกลัวจับใจ แต่พี่ชายที่ข้าเฝ้ารอก็ไม่มาเสียที รอจนสุดท้ายเป็นองค์รัชทายาทเดินทางผ่านมาแล้วได้ยินว่ามีคนติดอยู่ในอาราม จึงเข้ามาพาข้าออกไป”
พอเล่ามาถึงตรงนี้อู่ฉี่ก็อดเหลียวมองไปทางองค์รัชทายาทไม่ได้ องค์รัชทายาททั้งประหลาดใจทั้งสับสนเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์ช่วงนี้เมื่อหลายวันก่อนเขาลืมเลือนไปหมดแล้ว
แม้สายตาของอู่ฉี่จะทอดมององค์รัชทายาทเพียงชั่วอึดใจ กลับสะท้อนความเสน่หาที่ซับซ้อนนุ่มนวลออกมาเบาบาง
เถิงอวี้อี้จ้องมองอู่ฉี่ด้วยแววตาเย็นเยียบ ภายในใจคล้ายค่อยๆ จับตัวเป็นน้ำแข็ง
ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง…
นางเคยคาดเดาแรงจูงใจที่คนเสื้อคลุมดำทำร้ายนางในชาติก่อนนับครั้งไม่ถ้วน ถึงแม้เมื่อเร็วๆ นี้ในที่สุดก็คาดเดาได้แล้วว่าสาเหตุเพราะองค์รัชทายาทอยากแต่งงานกับนาง กลับคิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังจะมีความรู้สึกหลากหลายปะปนเพียงนี้
ไม่ต้องสงสัยเลย สาเหตุที่อู่ฉี่เปลี่ยนให้การแต่งงานกับองค์รัชทายาทกลายเป็นความยึดมั่น นอกจากต้องการเอาชนะพี่สาวร่วมอุทรแล้ว ยังมีความต้องการครอบครองแต่เพียงผู้เดียวด้วย
จำได้ว่าชาติก่อนเมื่อครั้งนางกับเติ้งเหวยหลี่และอู่ฉี่รับพระเสาวนีย์ไปเข้าเฝ้ายังวังต้าหมิงกง ฮองเฮาพระราชทานเพียงผ้าไหมให้เติ้งเหวยหลี่กับอู่ฉี่คนละแปดผืน กลับพระราชทานเครื่องหอมเจี๋ยผอหลัวที่ผู้คนขนานนามว่าเป็น ‘ยอดแห่งสมุนไพรเครื่องหอม’ ให้นาง
คิดว่าจิตสังหารที่อู่ฉี่มีต่อนางคงจะเริ่มฝังลึกมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วกระมัง องค์รัชทายาทไม่เพียงสอบถามความเป็นอยู่ของนางบ่อยครั้ง ยังเผยความตั้งใจว่าจะแต่งงานกับนางหลังจากพ้นช่วงไว้ทุกข์ให้บิดาด้วย พอข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงหูอู่ฉี่ จิตสังหารที่ฝังอยู่ในใจนั้นก็บ่มเพาะกลายเป็นการลงมือทำจริง
จำได้ว่าชาติก่อนไม่มีปีศาจมารร้ายเหล่านี้ เสี่ยวหยาเคยกล่าวไว้ว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับการย้อนลิขิตสวรรค์แก้ไขโชคชะตาจนชักนำให้เกิดเภทภัย ตอนนั้นซือไท่ยังไม่ถูกเปิดโปง แต่อู่ฉี่สมรู้ร่วมคิดกับซือไท่มานานแล้ว อย่างนั้นคนเสื้อคลุมดำในคืนนั้นเป็นไปได้สูงว่าอู่ฉี่จะให้ซือไท่ส่งมา
คนเหล่านี้ต่างมีเลศนัยแอบแฝง แต่พวกนางมีจุดประสงค์เดียวกันแน่นอนคือช่วยให้อู่ฉี่ได้เป็นพระชายาองค์รัชทายาท
สำหรับเติ้งเหวยหลี่ บิดาเคยกล่าวเอาไว้ว่าฮ่องเต้มีพระราชประสงค์จะยกย่องขุนนางฝ่ายที่สนับสนุนการปราบปรามถู่ปัว เติ้งซื่อจงกลับต่อต้านพระราชดำรินี้ของฮ่องเต้อย่างสุดกำลังเพื่อกดข่มกลุ่มอำนาจฝ่ายคัดค้านการปราบปรามถู่ปัวในราชสำนัก ความหวังที่เติ้งเหวยหลี่จะได้รับเลือกเป็นพระชายาองค์รัชทายาทจึงริบหรี่มากทีเดียว
นี่หมายความว่าขอเพียงกำจัดนางไปได้ ตัวเลือกตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทก็จะเหลือเพียงอู่ฉี่แล้ว
เป้าหมายของพวกเขาจึงชัดเจนอย่างยิ่ง พอบุกเข้าจวนมาได้ก็ลงมือสังหารนาง
ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้อู่ฉี่ก็โหดเหี้ยมอำมหิตหาใดเปรียบ
ชาติก่อนส่งคนมาสังหารนาง ชาตินี้วางแผนทำร้ายพี่สาวของตนเอง
เถิงอวี้อี้กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว นางแค้น…แค้นจนแทบอยากจะฉีกทึ้งนางมารตรงหน้าเป็นชิ้นๆ
นางเสียใจ…เสียใจที่ตนเองต้องตายอย่างไม่เป็นธรรมในเงื้อมมือของคนพรรค์นี้ ชาติก่อนนางเป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าผู้หนึ่ง มารดาด่วนจากโลกนี้ไป บิดาก็ล่วงลับไปอีกคน ยังมาถูกช่วงชิงกระทั่งสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเพียงลำพังเพราะแผนการชั่วร้ายเช่นนี้
อู่หยวนลั่วมองความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในดวงตาน้องสาวออกแล้ว เขากัดฟันเอ่ยว่า “เหตุใดเจ้าไม่บอกกับพี่ชายแต่แรกเล่า”
“ข้าบอกแล้วท่านจะช่วยข้าหรือ” อู่ฉี่แค่นเสียงเย้ยหยัน “ไม่หรอก ท่านคงยกสิ่งที่ดีที่สุดให้พี่สาวเหมือนเดิม บนโลกใบนี้ไม่มีใครช่วยข้าได้ ข้าต้องพึ่งตนเองเท่านั้น!”
ลิ่นเฉิงโย่วหัวเราะอย่างเย็นชา “หมายความว่าใครก็ตามที่อาจขัดขวางไม่ให้เจ้าได้เป็นพระชายาองค์รัชทายาท เจ้าก็จะกำจัดทิ้งไปล่วงหน้าทีละคนใช่หรือไม่ เพื่อการนี้แล้วเจ้าจึงทำร้ายพี่สาว ใส่ร้ายคุณหนูเติ้ง เล่นงานคุณหนูตู้ แม้แต่ตอนอยู่บนเขาหลีซานก็คิดร้ายกับคุณหนูเถิงด้วย”
พอกล่าวมาถึงตรงนี้เขาก็เหลือบมองเถิงอวี้อี้แวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่านางกำลังจ้องหน้าอู่ฉี่ด้วยความแค้นสุมอก ความแค้นนี้ลึกล้ำเข้มข้น ดุจศัตรูคู่แค้นที่ลำบากตามหามาหลายปีปรากฏตัวตรงหน้าอย่างไม่คาดคิด ทว่าแฝงด้วยความโศกเศร้ายากจะบรรยาย เหมือนความทุกข์ระทมที่ไม่อาจลบล้างยึดครองพื้นที่ในหัวใจ
ลิ่นเฉิงโย่วตะลึงงัน ความรู้สึกอันแรงกล้าถึงเพียงนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะญาติผู้พี่เกือบโดนคนตรงหน้าเล่นงานเป็นแน่…
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 29 ต.ค. 66 เวลา 12.00 น.