ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 108
ในดวงตาอู่หยวนลั่วเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์แฝงอยู่ “หัวใจประกอบด้วยเลือดเนื้อทั้งสิ้น ตอนเด็กๆ เวลาพี่ชายเรียนหนังสือ ทุกครั้งเมื่อถึงเดือนสิบสองอากาศหนาวเหน็บ ต้าเหนียงกลัวว่าพี่ชายจะคัดอักษรจนนิ้วมือเป็นตุ่มพุพอง จึงอาสามาช่วยจุดเตาอุ่นอยู่ข้างๆ พอพี่ชายบอกให้นางกลับห้อง นางกลับยืนกรานว่าจะอยู่เป็นเพื่อน ส่วนเจ้าน่ะหรือ ทุกครั้งที่ถึงช่วงนี้จะเอาแต่บ่นว่าพี่ชายมัวแต่อ่านหนังสือไม่ยอมเล่นกับเจ้า ครั้งนั้นพี่ชายขึ้นต้นไม้ช่วยเจ้าเก็บว่าว ตอนกระโดดลงมาไม่ระวังจึงข้อเท้าแพลง เจ้าก็เอ่ยปากขอโทษพี่ชาย แต่ต่อมาคนที่คอยดูแลพี่ชายกลับเป็นต้าเหนียง ตอนพวกเจ้าตามท่านแม่กลับบ้านท่านตาที่อิ่งโจว พอกลับถึงบ้านต้าเหนียงก็เอาขนมข้าวเหนียวทอดที่พี่ชายชอบกินมาฝากตั้งมาก ก่อนหน้านี้พี่ชายเพียงพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจครั้งเดียว ต้าเหนียงกลับจำใส่ใจเงียบๆ พวกเจ้าสองคนทำรองเท้าให้พี่ชาย ต้าเหนียงจะทำออกมาพอดีเท้าเสมอ เจ้ากลับไม่ใส่ใจกระทั่งขนาดเท้าของพี่ชาย พอสวมรองเท้าที่เจ้าทำไม่ได้ เพียงพูดล้อเล่นว่ารองเท้าคู่นี้เสียเปล่าแล้ว เจ้าก็โมโหบอกว่าพี่ชายรักต้าเหนียงมากกว่า แล้วโยนรองเท้าคู่นั้นลงบ่อน้ำต่อหน้าพวกเรา
ใช่ ความจริงพี่ชายไม่ควรเก็บเรื่องเล็กน้อยพวกนี้มาใส่ใจ แต่นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องสองเรื่อง เป็นการอยู่ร่วมกันมานานหลายปี เรื่องหยุมหยิมพวกนี้ตกตะกอนอยู่ในหัวใจไปทีละนิด คนจิตใจหยาบกระด้างเพียงใดก็คงเข้าใจ ยิ่งเติบใหญ่พี่ชายยิ่งเข้าใจชัดเจน ต้าเหนียงใจเย็นใจกว้าง ส่วนเจ้าจิตใจคับแคบ หลายปีที่ผ่านมาได้รับความห่วงใยจากนางที่มีต่อพี่ชายผู้นี้มากมายนัก เพื่อจะตอบแทนกลับคืนจึงลำเอียงใส่ใจต้าเหนียงมากกว่าโดยไม่รู้ตัว ก็ไม่ต่างกับที่นางจำได้ว่าพี่ชายไม่ชอบกินน้ำส้มหมักดอกท้อ* ไม่ชอบดมกลิ่นสุราถูซู** ไม่กินปลาดิบ ไม่แตะผักชี เรื่องพวกนี้เจ้าไม่เคยรู้เลยแม้แต่น้อย ทว่าต้าเหนียงกลับจดจำใส่ใจไว้ทั้งหมด อย่างนั้นแล้วพี่ชายจะจำได้ว่าต้าเหนียงชอบกินงานั้นมันยากตรงที่ใดกัน”
สีหน้าอู่ฉี่ยังคงเย็นชาแข็งกระด้าง ทว่าประกายในดวงตาสั่นไหว
อู่หยวนลั่วหัวเราะเยาะตนเอง “เจ้าบอกว่าครั้งนั้นพี่ชายมาช่วยเจ้าที่อารามนักพรตหญิงอวี้เจินไม่ทันการณ์ กลับไม่เอ่ยถึงสักคำว่าตอนนั้นพี่ชายอยู่นอกเมือง พี่ชายเร่งควบม้ากลับเข้าเมืองโดยไม่หยุดพัก เพราะรีบร้อนมากเกินไประหว่างทางจึงเกือบตกจากหลังม้า แต่สุดท้ายก็กลับช้าไปก้าวหนึ่ง และยังถูกเจ้าคิดแค้นมาจนถึงตอนนี้ พอไปเยี่ยมเจ้าที่ห้อง เจ้ากลับปล่อยให้พี่ชายอยู่นอกประตู พี่ชายยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินจ้องมองประตูห้องที่ปิดสนิท รสชาติเช่นนั้นตราบจนวันนี้ยังลืมไม่ลง เร่งรีบเดินทางจนเสื้อผ้าเปียกเหงื่อชุ่มโชกไปหมด ลมพัดผ่านมาก็หนาวเหน็บถึงกระดูกในพริบตา แต่ร่างกายจะหนาวเพียงใดก็ไม่หนาวเท่าในหัวใจ”
อู่หยวนลั่วสะอื้นอยู่ในลำคอ ก่อนจะหยุดชะงักไปชั่วครู่ “ส่วนท่านพ่อท่านแม่ ปกติพวกเจ้าสองคนเป็นเช่นไรพวกท่านคงจะรู้ดียิ่งกว่าข้าเสียอีก เรื่องเล็กน้อยนับไม่ถ้วนสั่งสมมานานปี การดูแลเจ้าอย่างทะนุถนอมเหลือเกินในตอนแรกกลายเป็นความรักใคร่เอ็นดูที่มีต่อต้าเหนียง ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล ช่วงก่อนต้าเหนียงถูกสกุลเจิ้งยกเลิกการแต่งงาน นางร้องไห้อยู่ในห้องทั้งวัน ท่านพ่อท่านแม่กับข้ากลัวว่านางจะคิดสั้น ย่อมห่วงใยนางเป็นเท่าทวี ทั้งหมดนี้พออยู่ในสายตาเจ้าก็กลับกลายเป็นความลำเอียงที่คนทั้งครอบครัวรักต้าเหนียงมากกว่า เจ้าไม่เคยคิดบางหรือไร หากตอนนั้นคนที่ถูกยกเลิกการแต่งงานเป็นเจ้า ท่านพ่อก็จะยอมเสียสละเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเช่นกัน!”
“ท่านพูดเหลวไหล!” อู่ฉี่ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาเป็นสาย “ท่านพ่อไม่มีทางทำอะไรเพื่อข้าหรอก ต่อให้ข้าตายไปพวกท่านก็ไม่มีทางปวดใจ หากพวกท่านปรับเปลี่ยนหัวใจให้มีความรู้สึกเท่าเทียมสักหน่อยข้าก็คงไม่เดินมาถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
“ข้าพูดเหลวไหล?” อู่หยวนลั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้เจ้าสุขภาพแข็งแรง ดูท่าจะลืมไปว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ท่านพ่อท่านแม่เคยทำเพื่อเจ้ามาตั้งเท่าไร ท่านพ่อท่านแม่ได้ยินว่าเมืองซิงหยวนมีหมอผีที่เชี่ยวชาญการรักษาโรคภัยของเด็ก ก็ไม่ลังเลที่จะเดินทางไกลกว่าพันหลี่เพื่อเชิญหมอผีผู้นี้มาโดยเฉพาะจนทำให้พลาดการทดสอบของกรมปกครอง เป็นผู้ช่วยในกรมปกครองต่อเนื่องมาสิบปีเต็มๆ ท่านแม่ทำถุงเท้าให้เจ้าด้วยตนเองทุกปี เพราะตอนเล็กๆ เจ้าขี้หนาวยิ่งกว่าเด็กผู้อื่น ท่านแม่มักจะเอาใจใส่เป็นพิเศษ ถึงแม้เจ้าเติบโตถึงเพียงนี้แล้วถุงเท้าที่นางทำให้เจ้าก็ยังหนานุ่มกว่าคนอื่นหลายส่วน เจ้าชอบสวมเสื้อผ้าสีแดงมาตั้งแต่เด็ก แต่ละปีท่านแม่จะหาผ้าไหมผ้าแพรสีแดงมาเพิ่มให้เจ้ามากมาย…ของพวกนี้ถูกเก็บใส่หีบอยู่ในห้องของเจ้า หรือเจ้าจะบอกว่าพี่ชายปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาลอยๆ โดยไร้หลักฐานเล่า ต้าเหนียงดีต่อเจ้าอย่างไร เจ้าคงรู้อยู่แก่ใจ ของที่เจ้าชอบกินนางไม่เคยแตะต้อง ของเล่นที่เจ้าหมายตา นางชอบเพียงใดก็ไม่เรียกร้องอยากได้ น่าเสียดายที่เจ้าถูกวิชามารของนักพรตชั่วผู้นั้นล่อลวงจนจิตใจบิดเบี้ยว ไม่กี่ปีมานี้เอาแต่จดจำเรื่องแย่ๆ ไม่เคยจดจำเรื่องดีๆ เลย!”
ร่างกายอู่ฉี่โงนเงนไปชั่วขณะ หยาดน้ำตายิ่งไหลทะลักออกมา นางกัดฟันเอ่ยเสียงชิงชัง “ท่านพูดเหลวไหล…พวกท่านเสแสร้งกันหมด! บุญคุณเล็กน้อยพวกนี้นับเป็นอะไรได้ ทุกครั้งที่เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์สำคัญ ในสายตาพวกท่านมีเพียงพี่สาวผู้เดียวเท่านั้น ข้าเลือกสามีให้ตนเองไว้นานแล้ว แต่พวกท่านทำลายทุกอย่างก็เพื่อพี่สาวไปแล้ว”
อู่หยวนลั่วยิ่งรู้สึกผิดหวังมากขึ้น “อย่างนั้นเจ้าน่าจะจำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้ต้าเหนียงเคยถามว่าชายในดวงใจเจ้าคือใคร เจ้าบอกว่าจะเลือกสามีด้วยตนเอง กลับไม่คัดค้านที่ครอบครัวจะส่งเจ้าเข้าเรียนในสำนักศึกษาเซียงเซี่ยง พวกเราจึงสงสัยว่าเจ้ามีชายหนุ่มที่หมายปองแล้ว ที่สำคัญคนผู้นั้นคงเป็นบุตรหลานเชื้อพระวงศ์สักคน ไม่นานต้าเหนียงก็ถูกสกุลเจิ้งยกเลิกการแต่งงาน ทั้งครอบครัวจมอยู่กับความเศร้าเสียใจ แต่เจ้าพอได้ยินว่าเฉิงอ๋องซื่อจื่อจัดงานเลี้ยงวันเกิด ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงนำของขวัญอวยพรไปยังวังเฉิงอ๋อง ข้ากับต้าเหนียงจึงมั่นใจว่าชายในดวงใจเจ้าคือเฉิงอ๋องซื่อจื่อ หลังจากนั้นเป็นต้นมาต้าเหนียงจึงตอบตกลงเข้าร่วมการคัดเลือกพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนพี่ชายตอนอยู่บนเขาหลีซานก็หาวิธีจับคู่ให้เจ้ากับเฉิงอ๋องซื่อจื่อ เดิมทีคิดว่าเป็นแผนการที่น่ายินดี ไม่คิดว่าจะกระตุ้นให้เจ้าเกลียดชังทุกคนในครอบครัว”
หยาดน้ำตาของอู่ฉี่ราวกับหยุดชะงักไป