“หูจี้เจินถูกทำร้ายเพราะอะไร”
“วันนั้นเดิมทีข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่ที่จวนอิงกั๋วกง จู่ๆ หญิงร้องรำผู้หนึ่งก็โยนก้อนกระดาษมาที่ปลายเท้าข้า พอเก็บขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นลายมือของยายเฒ่าหวัง นางให้ข้ารีบกลับบ้านประเดี๋ยวนั้น บอกว่ามีคนสำคัญผู้หนึ่งอยากจะพบ ข้าจึงรีบร้อนเดินทางกลับบ้าน ไม่คิดว่าระหว่างทางจะถูกหูจี้เจินพบเข้า คุณชายน้อยผู้นี้เคยถูกข้าทิ้งไว้ข้างหลังตอนอยู่ที่วังเฉิงอ๋อง เขาจดจำเรื่องนี้ได้ไม่เคยลืม ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสะกดรอยตามข้ามาตลอดทาง ข้าเข้าบ้านไปแล้วเห็นยายเฒ่าหวังกับหวังจิ่วเอินก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะนับจากบอกลากันที่หยางโจวข้าไม่ได้พบหวังจิ่วเอินมานานแล้ว ตอนข้าจะปิดประตูไม่คิดว่าหูจี้เจินจะผลักประตูบุกเข้ามาแล้วเอ่ยปากว่า ‘อยากถามพี่หลูต่อหน้าสักคำ ถามจบแล้วก็จะไป’ ”
ยามนั้นหวังจิ่วเอินกับยายเฒ่าหวังหน้าเปลี่ยนสีไปทันควัน ตามด้วยภายในห้องก็มีเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่าง เห็นได้ชัดว่ายังมีแขกคนอื่นอยู่อีก
ไม่นานหูจี้เจินพลันได้สติกลับมา เนื่องด้วยมารยาทจึงเตรียมจะทำความเคารพ ชั่วพริบตานั้นยายเฒ่าหวังก็สะบัดเส้นไหมสีเงินออกมาหมายจะสังหารหูจี้เจิน
หลูจ้าวอันกำลังอกสั่นขวัญแขวน กลับได้ยินคนในห้องส่งเสียงบางอย่าง ราวกับว่ามีคนกำลังเคาะโต๊ะ ยายเฒ่าหวังรีบเก็บเส้นไหมสีเงินกลับมา แล้วเปลี่ยนมาเหวี่ยงยันต์แผ่นใหญ่ไปทางหูจี้เจินแทน
ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยถามสีหน้าเคร่งขรึม “คนที่อยู่ในห้องตอนนั้นคือผู้บงการเบื้องหลัง?”
“ข้าไม่รู้ ยายเฒ่าหวังใช้วิชามารกับคุณชายหูต่อหน้าต่อตาข้า ทำให้ข้าทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว เพราะหวาดหวั่นว่าประเดี๋ยวก็คงถึงคราวของข้า ยายเฒ่าหวังบอกว่าเรื่องที่เหลือนางจะจัดการเอง ให้ข้ารีบกลับจวนอิงกั๋วกง จากนั้นแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดื่มสุราสังสรรค์กับคนรอบข้างต่อ ข้าก็ทำตามที่นางบอก ทว่าเมื่อกลับมายายเฒ่าหวังกับหวังจิ่วเอินก็หายไปแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงได้ข่าวว่าคุณชายหูป่วยเป็นโรคลม”
“เจ้าไม่เคยพบหน้าผู้บงการเบื้องหลังเลยสักครั้ง?”
หลูจ้าวอันส่ายหน้าอีกครั้ง “ระยะนี้แม้แต่เอ้อจีก็ยังไม่เห็นหน้า ยายเฒ่าหวังบอกว่าเอ้อจีถูกคนจับตามองเพราะเรื่องปีศาจอาละวาดในหอไฉ่เฟิ่ง บางทีคงออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้อีกนาน แล้วบอกข้าว่ามีเรื่องอะไรให้มาหานางก็พอ อย่าได้ไปที่ผิงคังฟางอีก”
ลิ่นเฉิงโย่วหลุบตาลงใคร่ครวญ เส้นด้ายยาวๆ เส้นนี้คล้ายว่ายิ่งมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นทุกที จึงเอ่ยถามต่อว่า “หลังจากนั้นเจ้าเคยไปหาหวังจิ่วเอินบ้างหรือไม่ เขามาฉางอันแล้วพักอาศัยอยู่ที่ใด”
“เขาอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าๆ หลังหนึ่งในตรอกเอ๋อเอ๋อร์”
ตรอกเอ๋อเอ๋อร์? ลิ่นเฉิงโย่วนิ่งอึ้งไป สถานที่แห่งนี้ชื่อคุ้นหูมาก ใช่แล้ว จำได้ว่าเถิงอวี้อี้เคยบอกเขาไว้ ครั้งนั้นตวนฝูสังเกตเห็นคนเสื้อคลุมดำเข้าออกอารามนักพรตหญิงอวี้เจินโดยบังเอิญ จึงรีบไล่ตามไปทันที ไล่ตามไปตลอดทางจนถึงตรอกเอ๋อเอ๋อร์ คนเสื้อคลุมดำก็หายลับไปแล้ว
“สิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ หากมีคำโกหกสักครึ่งคำข้าจะต้อนรับนางในดวงใจของเจ้าอย่างดีแน่” ลิ่นเฉิงโย่วข่มขู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ในขณะเดียวกันก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ทางนั้นสวมเครื่องลงทัณฑ์ให้ยายเฒ่าหวังอีกครั้ง
หลูจ้าวอันมองยายเฒ่าหวังด้วยความรักใคร่เปี่ยมล้น ได้แต่แค้นใจที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ดิ้นรนอยู่สักพักก็เอ่ยทั้งใบหน้าซีดขาว “อย่าข่มเหงนาง สิ่ง…สิ่งที่ข้าพูดคือความจริงทั้งหมด”
ลิ่นเฉิงโย่วสะบัดตัวขับไล่อาการขนลุกบนร่าง วิธีการก็ดีอยู่หรอก เพียงแต่มันหวานเลี่ยนไปสักหน่อย กำลังจะซักถามต่อกลับมีเจ้าหน้าที่อาวุโสชื่อหลีซื่อเดินเข้ามาบอกว่า “เจ้าหน้าที่สืบสวนลิ่น ข้างนอกมีคนผู้หนึ่งชื่อคุณชายหวังบอกว่ามีเรื่องด่วนมารอพบท่าน”
ลิ่นเฉิงโย่วสะดุ้งโหยง ทำท่าจะลุกขึ้นมา ก่อนจะมองดูเวลาแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “หน้าตาเป็นเช่นไร”
“ผิวพรรณขาวสะอาด หน้าตางดงาม จุๆ ข้าน้อยเพิ่งเคยเห็นคุณชายที่ดูดีเช่นนี้เป็นครั้งแรก” หลีซื่อทอดถอนใจ
รอยยิ้มในหัวใจลิ่นเฉิงโย่วเกือบจะกระดอนออกมาถึงใบหน้า ดูท่าคงเป็นเถิงอวี้อี้จริงๆ แต่เขามิได้รีบร้อนออกไป กลับแสร้งเอ่ยถามต่อ “ข้างกายเขาพาคนมาด้วยกี่คน บอกหรือไม่ว่าเป็นเรื่องอะไร”
“ข้างกายยังมีชายรูปร่างกำยำผู้หนึ่ง บอกว่ามีเรื่องด่วนมาก อยากพบเจ้าหน้าที่สืบสวนลิ่น”
* น้ำส้มหมักดอกท้อ คือน้ำส้มสายชูที่นำดอกท้อใส่ลงไป ตามด้วยข้าวหรือผลไม้ แล้วทำการหมักบ่มต่อไป
** สุราถูซู เป็นสุราชนิดหนึ่งที่หมักด้วยสมุนไพร ในสมัยโบราณชาวฮั่นนิยมดื่มสุราชนิดนี้ในวันขึ้นปีใหม่เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้มีภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ ไม่เจ็บไม่ป่วย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 31 ต.ค. 66 เวลา 12.00 น.