ลำแสงสีขาวสว่างวาบในสมองลิ่นเฉิงโย่ว เขาเอ่ยเสียงขรึมว่า “ไปตามช่างวาดรูปมา”
ช่างวาดรูปถูกตามตัวมาในเวลาไม่นาน ผู้ช่วยในร้านสองคนบรรยายรูปร่างหน้าตาคนผู้นั้นให้ช่างวาดรูปฟังอย่างตะกุกตะกัก จนกระทั่งช่างวาดรูปวาดเสร็จแล้วเหยียนว่านชุนก็นิ่งอึ้งไป
ลูกค้าประจำผู้นี้คือเจิ้งเป่าหรงพ่อบ้านใหญ่ข้างกายมุขมนตรีเจิ้งนั่นเอง
ครั้งก่อนตอนสืบคดีซูลี่เหนียง เหยียนว่านชุนกับพ่อบ้านใหญ่ของมุขมนตรีเจิ้งผู้นี้เคยพบปะพูดคุยกันอยู่หลายครั้ง
“เป็นเขาได้อย่างไร” เหยียนว่านชุนเสียงสั่นเล็กน้อย
หากเป็นความจริง เรื่องนี้สำหรับเมืองฉางอันหรือแม้แต่ฝ่ายราชสำนักและราษฎรแล้วไม่ต่างอะไรกับสายฟ้าคำรามดังสะท้านสะเทือน
เมื่อคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดฝ่ายตรงข้ามซ่อนตัวแนบเนียน ลงมือฉับไวเหลือเกิน หากมิใช่เพราะทางฝั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนลิ่นจัดการได้ทันท่วงที ผู้ช่วยร้านขายขนมเหล่านี้ก็คงไม่มีทางได้เอ่ยปากชี้ตัวคนแล้ว
หลังสอบสวนเสร็จสิ้นลิ่นเฉิงโย่วกับเหยียนว่านชุนก็เดินออกมา
ลิ่นเฉิงโย่วจ้องมองต้นสนในลานกว้างอย่างใจลอย ผู้บงการเบื้องหลังมีกลยุทธ์และกำลังคนกำลังทรัพย์พรั่งพร้อม คุณสมบัติเหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับมุขมนตรีเจิ้ง
ประจวบเหมาะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระยะนี้แต่ละเรื่องก็ตรงกับมุขมนตรีเจิ้งทั้งสิ้น
คดีฆ่าสตรีตั้งครรภ์ชิงทารกช่วงก่อนซูลี่เหนียงก็เป็นอนุของมุขมนตรีเจิ้ง
ซ่งเจี่ยนสามารถแต่งเสี่ยวเจียงซื่อเป็นภรรยาเพื่อล้างแค้นได้ แน่นอนว่ามุขมนตรีเจิ้งก็อาจให้ซูลี่เหนียงที่เคยทำชั่วมาเป็นอนุของตนเองเพื่อทารกเดือนดับได้เช่นกัน
นอกจากนี้คุณชายใหญ่บุตรของมุขมนตรีเจิ้งจู่ๆ นึกอยากถอนหมั้นแต่ฝ่ายเดียว ก็มีนัยชวนให้ขบคิดอย่างยิ่ง ฉากหน้าเหตุผลในการถอนหมั้นคือพลาดทำต้วนชิงอิงตั้งครรภ์ แต่จะรู้ได้เช่นไรว่ามิใช่เพราะมุขมนตรีเจิ้งไม่อยากให้บุตรชายกลายเป็นพี่เขยของคุณหนูรองอู่ที่ทำเรื่องชั่วช้าไว้มากมาย จึงตั้งใจวางแผนการนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ
หากเป็นมุขมนตรีเจิ้งจริง เช่นนั้นในอดีตที่เฮ่าเยวี่ยส่านเหรินกับเหวินชิงส่านเหรินสามารถหลบหนีการจับกุมของราชสำนักไปได้ก็มีคำอธิบายลงตัวแล้ว
ราชสำนักคิดไม่ถึงแน่นอนว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่สักมุมใดมุมหนึ่งในจวนของมุขมนตรีเจิ้ง
เรื่องราวทั้งหมดมีเพียงประเด็นเดียวที่หาคำตอบไม่ได้ก็คือเจิ้งซวงอิ๋น
หากว่ามุขมนตรีเจิ้งเป็นผู้บงการเบื้องหลัง แล้วยังปล่อยให้หลูจ้าวอันใช้กู่คะนึงหาล่อลวงบุตรสาวของตนไปได้อย่างไร
พอคิดๆ ดูแล้วบางทีเรื่องนี้มุขมนตรีเจิ้งก็คงไม่รู้มาก่อน ภายหลังถึงรู้ว่าบุตรสาวถูกวางแผนคิดร้าย ดังนั้นหลังเกิดเรื่องเกิดราวจึงไม่มีเจตนาจะปกป้องหลูจ้าวอันเลยสักนิด เพียงมองเขาเป็นหมากที่คิดจะสลัดทิ้งโดยไม่ลังเล
ลองมองว่ามุขมนตรีเจิ้งเป็นผู้บงการเบื้องหลังชั่วคราว แต่ยังมีประเด็นน่าสงสัยหลายข้อที่ไม่ตรงกัน
“พี่เหยียน ข้าต้องเข้าวังสักหน่อยแล้ว” ไม่ว่าสรุปแล้วจะใช่มุขมนตรีเจิ้งหรือไม่ ราชสำนักกับวังหลวงจะต้องเตรียมการรับมืออย่างเงียบๆ ให้เร็วที่สุด
ใครจะรู้ว่าเมื่อลิ่นเฉิงโย่วกลับจากวังหลวง เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่จะตรงเข้ามาแจ้งว่า “เจ้าหน้าที่สืบสวนลิ่น คุณหนูรองอู่บอกว่ามีเบาะแสสำคัญจะสารภาพ แต่ก่อนหน้านั้นนางอยากพบมารดาของตนเอง แล้วก็ยังอยากพบหน้าคุณหนูตู้กับคุณหนูเถิงด้วย หากศาลต้าหลี่ไม่ยอมรับปากตามเงื่อนไข นางก็ปฏิเสธจะให้เบาะแสขอรับ”
“จัดการตามที่นางบอก” ลิ่นเฉิงโย่วตอบกลับโดยไม่เสียเวลาคิด
เจ้าหน้าที่มีท่าทีลังเล “แต่…ถึงอย่างไรคุณหนูเถิงกับคุณหนูตู้ก็เป็นสตรีอ่อนแอ อาจจะไม่กล้ามาที่คุกก็เป็นได้”
“ไม่หรอก พวกนางต้องมาแน่” ลิ่นเฉิงโย่วคลี่ยิ้มแล้วเดินออกไปข้างนอก
เขายังไม่รู้จักเถิงอวี้อี้ดีหรือไร นางไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ได้ยินว่าอู่ฉี่อยากพบนาง นางจะต้องรีบมาอย่างรวดเร็วแน่