ไม่รู้ว่าลิ่นเฉิงโย่วบอกอะไรกับองค์รัชทายาท ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะวางใจลงได้แล้ว จึงกลับไปขึ้นหลังม้ารออยู่นอกประตูโดยไม่มีทีท่าจะจากไป
“ไปเถอะ” ลิ่นเฉิงโย่วให้เจ้าหน้าที่ด้านข้างสองคนออกไป แล้วเดินนำทางพวกนางสองคนเข้าสู่ด้านในเพียงลำพัง
เถิงอวี้อี้เดินตามพลางเหลียวซ้ายแลขวาไปด้วย ที่แท้นี่ก็คือสถานที่ทำคดีของลิ่นเฉิงโย่ว ไม่ได้น่าสะพรึงกลัวดังเช่นในการนึกคิดของนาง กลับมีพื้นที่กว้างขวางและสะอาดเรียบง่าย
ไม่รู้ว่ามีการตระเตรียมล่วงหน้าหรือไม่ ระหว่างเส้นทางแทบไม่เห็นขุนนางหรือเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่เลย
ผ่านห้องโถงด้านหน้าไปก็เป็นห้องโถงกลาง เดินออกจากห้องโถงกลาง สองฝั่งเป็นห้องทำงาน ด้านหลังเป็นลานกว้างแห่งหนึ่ง กลางลานกว้างปลูกต้นสนสีเขียวขจีเต็มไปหมด แผ่กลิ่นอายเคร่งขรึมท่ามกลางความสงบรื่นรมย์
ลิ่นเฉิงโย่วนำทางด้านหน้า ทว่าความสนใจกลับไปอยู่ที่เถิงอวี้อี้ด้านหลัง เขาก็ไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะมีสักวันหนึ่งที่สามารถนำเถิงอวี้อี้มาเยี่ยมชมที่นี่ได้
สถานที่แห่งนี้สำหรับนางแล้วจะน่าเบื่อหรือไม่นะ
เขาอดเหลียวมองไปไม่ได้
บังเอิญว่าเห็นเถิงอวี้อี้มองสำรวจห้องทำงานทางทิศตะวันออก เขาจึงกลับหลังหันมาแล้วมองตรงไปเบื้องหน้าพลางเอ่ย “นั่นเป็นห้องทำงาน”
ข้างกายไม่มีคนนอก เถิงอวี้อี้สบายใจขึ้นไม่น้อย หายากที่จะได้เข้ามาในศาลต้าหลี่สักครั้ง นางจึงอยากสอบถามสักสองสามประโยค ได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความอยากรู้ว่า “เป็นสถานที่สำหรับสะสางบันทึกคดีกับเขียนสำนวนคดีของขุนนางใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว” ลิ่นเฉิงโย่วตอบ
ไม่คิดว่านางจะรู้สึกสนใจจริงๆ
ห้องทำงานสำหรับเขาแล้วแทบไม่เคยได้ใช้ เขาไม่เคยนั่งอยู่ในนั้นอย่างจริงจังเกินหนึ่งชั่วยาม หากมิใช่เพราะบางครั้งต้องไปหาเหยียนว่านชุน เกรงว่าจนถึงวันนี้ประตูทางเข้าห้องทำงานอยู่ตรงที่ใดก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
เถิงอวี้อี้พยักหน้ารับรู้ และยังถามคำถามเรื่องที่อยากรู้มานานอีกข้อ “แล้ว…ศพของเหยื่อเหล่านั้นปกติจะตั้งไว้ที่ใดหรือ”
“ห้องเก็บศพ ประเดี๋ยวเจ้าก็จะได้เห็นแล้ว”
ตู้ถิงหลันหน้าเปลี่ยนสี ญาติผู้น้องขวัญกล้าเทียมฟ้ายิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่านางจะสอบถามเรื่องเช่นนี้
โชคดีว่าตอนเดินผ่านห้องเก็บศพลิ่นเฉิงโย่วเพียงชี้ให้ญาติผู้น้องดูอยู่ไกลๆ ไม่ได้พานางเข้าไปจริง
“เห็นแล้วใช่หรือไม่”
เถิงอวี้อี้มองแล้วก็ถอนหายใจอย่างตกตะลึง “ที่แท้เป็นห้องเพดานต่ำเรียงเป็นแถว ดูไม่ค่อยสะดุดตาอย่างนี้เอง”
ลิ่นเฉิงโย่วรู้สึกขบขัน “ไม่อย่างนั้นเจ้านึกภาพว่าห้องเก็บศพหน้าตาเป็นเช่นไรเล่า”
“ข้านึกว่าจะน่าสะพรึงกลัวคล้ายกับห้องเก็บศพที่เรือนพักฟื้นเปยเถียน ไม่คิดว่าห้องเก็บศพศาลที่ต้าหลี่เป็นห้องเพดานต่ำทั้งหมดก็แล้วไปเถิด ข้างนอกยังปลูกดอกไม้ต้นไม้สวยงามตั้งมากมายเต็มไปหมด”
ลิ่นเฉิงโย่วอธิบายว่า “คดีที่ส่งมอบมายังศาลต้าหลี่ส่วนใหญ่จะเป็นคดีที่ยุ่งยากซับซ้อน เวลาเจอกับคดีตกค้างมานานปีพวกนั้นศพมักจะเน่าเปื่อยไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นแปลกปลอมกระจายไปทั่ว หน้าลานกว้างกับหลังห้องจำต้องปลูกดอกไม้ต้นไม้กลบกลิ่นเหม็นจำนวนหนึ่ง เสาระเบียงแถวนั้นเป็นแบบกลวงเปล่า ข้างในจะอัดก้อนอิฐน้ำแข็งเข้าไปจนเต็ม ต้องทำเช่นนี้ถึงจะยื้อเวลาให้ศพเน่าเปื่อยช้าลงสักหน่อย เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าบริเวณนี้เย็นสบายกว่าที่อื่น”
เถิงอวี้อี้อุทานคำหนึ่ง “จริงๆ ด้วย”
ตู้ถิงหลันอมยิ้มรับฟัง ทุกครั้งเวลาลิ่นเฉิงโย่วอยู่กับญาติผู้น้องจะมีความอดทนสูงทีเดียว แต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาสองคนรู้ตัวบ้างหรือไม่
เบื้องหน้าก็คือคุกของศาลต้าหลี่แล้ว ลิ่นเฉิงโย่วนำพวกนางทั้งสองเข้าไปด้วยตนเอง
คุกปิดตายสำหรับคุมขังนักโทษคดีร้ายแรงจะสร้างอยู่ใต้ดิน ด้านนอกมีด่านตรวจคุ้มกันแน่นหนาหลายชั้น
หลังเดินมาตามทางจนถึงหน้าห้องขังที่อยู่ในสุดเขาจึงหยุดฝีเท้าลงเอ่ยว่า “ถึงแล้ว”
เจ้าหน้าที่รายงานลิ่นเฉิงโย่ว “อู่ฮูหยินเพิ่งออกไป ตอนเข้ามานำอาหารให้นักโทษหลายอย่าง แต่ถูกข้าน้อยขัดขวางเอาไว้แล้ว สองแม่ลูกนั่งคุยกันอยู่ข้างในสักพัก ตอนกลับออกมาน้ำตานองหน้า หัวหน้าศาลต้าหลี่กับเจ้าหน้าที่ไต่สวนหลายคนเฝ้าดูอยู่ด้านนอกตลอดเวลาขอรับ”
ลิ่นเฉิงโย่วตอบกลับเรียบๆ “เข้าใจแล้ว”
จากนั้นค่อยพาเถิงอวี้อี้กับตู้ถิงหลันเดินเข้าไป
ทันทีที่เถิงอวี้อี้ก้าวเข้าไปก็มองเห็นอู่ฉี่นั่งอยู่ในกรงเหล็ก
ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสองวันอู่ฉี่มีสภาพย่ำแย่กว่าเดิมมาก มวยผมหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง กระโปรงสีแดงบนร่างก็สกปรกยับย่น ตอนพวกนางเดินเข้ามาอู่ฉี่กำลังนั่งพิงกำแพง สีหน้ายังคงดื้อรั้นเย็นชา
ลิ่นเฉิงโย่วพูดจาเสียดสีนาง “ข้าพาคนมาให้เจ้าแล้ว ต่อจากนี้ควรทำอย่างไรข้าเป็นคนตัดสินใจ จำเอาไว้ ถามคำถามจบแล้วก็รีบคายเบาะแสออกมา หากกล้าเล่นแง่ไม่ยอมบอก เจ้าคงรู้ว่ามีความทุกข์ทรมานรอเจ้าอยู่มากเพียงใด”
สีหน้าดั่งแผ่นเหล็กของอู่ฉี่เกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจนได้ คล้ายจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ที่มากกว่านั้นคือความหวาดกลัว
นางจ้องหน้าลิ่นเฉิงโย่วชั่วครู่ ก่อนเค้นคำพูดลอดไรฟันประโยคหนึ่ง “เข้าใจแล้ว” จากนั้นก็เบนสายตามามองเถิงอวี้อี้กับตู้ถิงหลัน “มาแล้วหรือ”
น้ำเสียงนางช่างแหบแห้งยิ่งนัก
ไม่เพียงเท่านี้ ขอบตานางยังแดงเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพิ่งพบหน้ามารดามาหรือไม่
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 พ.ย. 66 เวลา 12.00 น.