ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 110
บทที่ 110
“เจ้าอยากถามอะไร” ตู้ถิงหลันกัดฟันเอ่ยถาม เห็นได้ชัดว่านางไม่คุ้นชินที่ต้องเผชิญหน้ากับอู่ฉี่ในสภาพเช่นนี้เลย
อู่ฉี่เอ่ยอย่างเฉยชา “ข้าลองคิดจนหัวแทบแตกแล้ว ก็ยังคิดไม่ออกว่าตนเองเผยช่องโหว่ตรงที่ใดกันแน่ วันนี้เรียกพวกเจ้ามาก็เพราะอยากถามว่าคืนนั้นพวกเจ้าวางกลอุบายอะไรในห้องไว้ล่วงหน้าใช่หรือไม่”
ลิ่นเฉิงโย่วชำเลืองมองเถิงอวี้อี้ ความนัยในแววตาชัดเจนยิ่งว่า ‘เจ้าอยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องไปใส่ใจ’
เถิงอวี้อี้ไม่เอ่ยตอบ เพียงเพ่งพินิจมองอู่ฉี่เงียบๆ
นางมองอย่างเชื่องช้าและละเอียดลออ
เมื่อก่อนมองเห็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของอู่ฉี่ ส่วนครั้งนี้นางต้องการมองให้ลึกลงไปถึงจิตใจของคนตรงหน้า
ความจริงในชาติก่อนคงไม่มีวันไล่ตามหาได้แล้ว แต่ตราบใดที่คนร้ายเป็นคนเดียวกัน ความคิดเห็นที่มีต่อเรื่องนั้นจะต้องเหมือนกันแน่ เช่นนั้นมีบางเรื่องเพียงสอบถามต่อหน้าก็เข้าใจ
นางมองอู่ฉี่อย่างพินิจพิจารณาอยู่นาน ก่อนค่อยๆ เอ่ยปาก “คำถามข้อนี้ข้าตอบเจ้าก็ได้ แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องถามเจ้าสองคำถามก่อน ขอเพียงเจ้าตอบตามความจริง เจ้าก็จะได้รู้คำตอบ”
ตอนแรกอู่ฉี่ไม่ยอมพูดอะไร คำตอบเดียวเหตุใดต้องใช้สองคำตอบมาแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตามนางรู้ดีว่าหากคืนนั้นไม่ได้มีปัญหาขึ้นมาลิ่นเฉิงโย่วคงไม่สามารถจับกุมตัวยายเฒ่าหวังได้ทันเวลา เช่นนั้นถึงแม้จะสืบมาถึงนางก็ไม่มีทางหาหลักฐานแน่ชัดมาชี้ตัวนาง
แผนการทั้งหมดของนางพังทลายหมดสิ้นในคืนนั้น ด้วยเหตุนี้นางจะต้องรู้ความจริงให้ได้
คำตอบอยู่ตรงหน้านี้ ไม่ถามให้รู้เรื่องคงยากจะตัดใจ ประจันหน้ากันอยู่พักหนึ่งนางก็ยอมประนีประนอมแล้ว “เจ้าว่ามาสิ”
“หากว่าองค์รัชทายาทชอบพอคุณหนูจากตระกูลขุนนางสักคน ฮ่องเต้และฮองเฮาก็ทรงเห็นว่าคุณหนูผู้นั้นเป็นตัวเลือกพระชายาองค์รัชทายาทที่เหมาะสม คุณหนูผู้นั้นยังสวมชุดไว้ทุกข์ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าองค์รัชทายาทเอาใจใส่ดูแลนางเป็นพิเศษ ยังเผยความตั้งใจว่าจะแต่งงานด้วยหลังจากนางออกทุกข์ หากเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วจะให้คนมาทำร้ายคุณหนูผู้นั้นหรือไม่”
ห้องขังตกอยู่ในความเงียบ คำถามข้อนี้ที่มาสับสนคลุมเครือ ตู้ถิงหลันฟังแล้วฉงนสงสัย ลิ่นเฉิงโย่วเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ
ทว่าบางทีคงเพราะเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาท อู่ฉี่จึงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยตอบด้วยความจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ “หากว่าข้าไม่ได้ฝึกฝนวิชามาร ไม่แน่ว่าคำถามข้อนี้อาจเป็นอีกคำตอบหนึ่ง ตั้งแต่ได้สัมผัสกับสิ่งชั่วร้ายที่ครอบงำจิตใจเช่นนี้นิสัยข้านับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกที ขอเพียงได้ในสิ่งที่ปรารถนา ไม่ว่าวิธีการเช่นใดข้าก็ยินดีลองใช้มัน หากไม่อาจเปลี่ยนใจองค์รัชทายาทได้…ไม่กำจัดคุณหนูผู้นั้น แล้วตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทจะตกมาถึงข้าได้อย่างไร แม้ว่าข้ายังตัดสินใจลงมือไม่ได้สักที จิ้งเฉินซือไท่ก็จะเป่าหูให้ข้าลงมืออยู่ดี”
เถิงอวี้อี้กำหมัดแน่น พอแล้ว ชั่วขณะนี้ไม่ใช่เพียงข้อสันนิษฐานในใจอีกต่อไป ในที่สุดนางก็ได้ยินคนร้ายสารภาพแรงจูงใจการสังหารนางในชาติก่อนกับหูตนเอง
หัวใจนางรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาเป็นระลอก ฟันขบกันจนเสียงดังกรอดๆ
ลองคิดถึงสภาพน่าเวทนาตอนนางจมน้ำตายในสระน้ำเย็นเฉียบครั้งนั้น แล้วมองดูสภาพคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงเช่นนี้ของอู่ฉี่ คำว่า ‘สวรรค์ยุติธรรมเสมอ’ นั้นเกือบหลุดปากออกไปแล้ว
ประหนึ่งพายุฝนโหมกระหน่ำในใจนาง แต่ไม่คาดคิดว่าการเสียกิริยาของนางจะตกอยู่ในสายตาของคนรอบข้างทั้งหมด หางตาสังเกตเห็นสายตาลิ่นเฉิงโย่วจ้องมองมาก็รีบสงบสติอารมณ์ตนเอง
อู่ฉี่กลับจมอยู่ในภวังค์ความคิด ผ่านไปสักพักถึงเอ่ยเยาะเย้ยตนเอง “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรจะปฏิเสธ แต่ก่อนจะทำความรู้จักกับจิ้งเฉินซือไท่ข้าไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน เพื่อหว่านล้อมข้าแล้วซือไท่ดีต่อข้าเหมือนบุตรสาวแท้ๆ เชียว สอนวิชาป้องกันตัวให้ข้า ดูแลเอาใจใส่ข้าไปเสียทุกเรื่อง ตอนนั้นข้ายังเด็กนัก ไม่รู้ว่านางมีเจตนาร้ายแอบแฝง เข้าใจผิดไปว่านางเป็นอาจารย์ที่ประเสริฐและเป็นสหายในยามยาก มักจะระบายความทุกข์ในใจของตนเองให้นางฟังเสมอ บางครั้งทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ลำเอียงอะไรเลยซือไท่ก็จะยุยงข้าว่าท่านพ่อท่านแม่รักพี่สาวมากกว่าข้า รวมกับวิชามารพวกนั้นที่นางสั่งสอนข้ากัดกินจิตใจ ผ่านไปนานวันเข้าการกระทำของข้าจึงสุดโต่งขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญ…” มุมปากของนางตกลงเล็กน้อย “เพื่อจะหาจุดอ่อนมาข่มขู่ข้า จึงคอยยุยงให้ข้าทำเรื่องชั่วช้าไม่น้อย ตอนแรกความคิดที่จะฆ่าพี่สาวก็ได้ยายเฒ่าหวังเป็นคนเสนอขึ้นมา แต่สุดท้ายแล้วข้าก็เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกพวกเขาหลอกใช้และคิดว่าตนเองทำถูกต้องเสมอเท่านั้น”
สายตาเถิงอวี้อี้ดั่งกระบี่คมกริบ ตอนนั้นขณะอยู่ในหอไฉ่เฟิ่งก่อนตายเผิงอวี้กุ้ยก็เคยพูดจาทำนองนี้เช่นกัน เพราะทางราชสำนักตระหนักดีถึงอันตรายมากมายของการฝึกฝนวิชามาร ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าจะกวาดล้างพวกสำนักอู๋จี๋ให้สิ้นซาก
แต่ที่สุดแล้วอู่ฉี่ถูกคนล่อลวงให้หลงเดินทางผิดอย่างไร มันเกี่ยวข้องกับนางตรงที่ใดกันเล่า นางรู้เพียงว่าชาติก่อนตนเองต้องตายอย่างน่าอนาถด้วยน้ำมือคนกลุ่มนี้
น่าเสียดายว่ามีเวลาไม่มากพอ และยังมีคำถามอีกข้อรอการตรวจสอบ นางจึงคลายหมัดที่กำแน่น แสร้งวางมาดสงบนิ่งเอ่ยถามต่อว่า “คืนนั้นในวังเฉิงอ๋องเจ้าคิดจะขโมยถุงหอมของข้าใช่หรือไม่”
อู่ฉี่แสดงสีหน้าฉงนสงสัย “ขโมยถุงหอม?”
เถิงอวี้อี้กับลิ่นเฉิงโย่วสบตากันอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่อู่ฉี่หรอกหรือ