ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 3-4
ในหอจื่ออวิ๋นนอกจากหอกลางที่ใช้จัดงานเลี้ยงแล้ว ยังมีเรือนที่พักน้อยใหญ่อีกนับสิบแห่ง ครองอาณาบริเวณกว้างขวางอย่างยิ่ง สามารถรองรับแขกเหรื่อได้นับพันคน
ขันทีอาวุโสไม่ได้นำพวกเขาผ่านเข้าหอกลาง แต่มุ่งหน้าตรงไปยังเรือนที่พักด้านหลัง
เหล่าสตรีจากครอบครัวขุนนางส่วนใหญ่กำลังร่วมงานเลี้ยงอยู่ในหอกลาง ทว่าในเรือนที่พักก็มีสตรีสูงศักดิ์สวมเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราไม่น้อย แต่ก่อนหากมีสตรีนางใดเผลอดื่มสุราจนเมามายมักจะนั่งเกี้ยวเล็กลอบหลบออกไปตามลำพัง ขันทีอาวุโสไม่อยากให้เป็นที่สะดุดตาจึงตระเตรียมเกี้ยวเล็กไว้หลายหลังโดยเฉพาะ
ระหว่างเดินผ่านลานกว้างในสวนเครื่องดนตรีหลากชนิดร่วมบรรเลงเสียงประสาน นางรำเกือบร้อยคนเดินเยื้องกรายเข้าสู่กลางลาน ก่อนจะขยับกายร่ายรำอย่างมีชีวิตชีวา
เถิงอวี้อี้สายตามองตรงไม่มีว่อกแว่ก ติดตามอยู่ข้างหลังขันทีอาวุโสไม่ห่าง
ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงศาลาหลั่นสยา เรือนที่พักแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่มุมตะวันตกเฉียงเหนือในสวนด้านหลัง หน้ามีภูเขาจำลอง หลังมีกำแพงโอบล้อม ผู้คนต่างรังเกียจว่าทิวทัศน์ไม่เจริญหูเจริญตา มักจะมีแค่สตรีที่ดื่มสุราเมามายยอมมาเดินเตร็ดเตร่ที่นี่
ขันทีอาวุโสรู้ดีว่าบริเวณนี้เงียบสงบกว่าที่อื่น จึงตั้งใจพาคนเจ็บมาพักรักษาตัว
พวกเขาเพิ่งจะก้าวเข้ามาในเขตเรือนที่พัก จู่ๆ ก็มีคนอุทานด้วยความตกใจว่า “เหตุใดมีบุรุษซ่อนตัวอยู่ในเกี้ยวหลังเล็กได้!”
ทุกคนหยุดฝีเท้าทันใด ที่แท้มีขันทียกเกี้ยวขาสะดุดตอนก้าวลงบันได ไม่ทันระวังทำให้ขาตวนฝูโผล่ออกมา พอเห็นรองเท้าหุ้มข้อทรงสูงก็เลยรู้ว่าเป็นบ่าวชาย
เถิงอวี้อี้กับตู้ฮูหยินหันมาสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้กลัวจะเกิดปัญหายุ่งยากตามมาจึงพยายามคลุมเกี้ยวของตวนฝูให้มิดชิดแล้ว ตามหลักแล้วไม่น่าเผยช่องโหว่ได้ ไม่รู้ว่าเหตุใดขันทีวังหลวงถึงเดินสะดุดกะทันหัน
เสียงของผู้เอ่ยวาจาคือเหล่าสตรีจากครอบครัวขุนนางใหญ่ พวกนางประโคมแต่งกายเต็มที่ทั้งทัดดอกไม้และพกหยกประดับ จับจูงมือกันเดินมาด้วยสีหน้าเมามายเล็กน้อย ดูจากรูปการณ์คงจะมาแวะพักผ่อนที่ศาลาหลั่นสยา
“เวินกงกง จะให้บ่าวไพร่หยาบกระด้างมาอยู่ในสวนด้านหลังได้อย่างไรกัน ยังไม่รีบให้คนพรรค์นี้ออกไปอีก!”
ขันทีอาวุโสเผยสีหน้ายิ้มแย้ม ก้าวออกมาคารวะพลางว่า “เสียมารยาทแล้ว นี่คือคุณหนูครอบครัวแม่ทัพเถิงหรือไหวหนานเจี๋ยตู้สื่อ ส่วนท่านนี้คือฮูหยินของมหาบัณฑิตตู้แห่งสำนักการศึกษา ค่ำคืนนี้ระหว่างเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงเผชิญเหตุไม่คาดฝัน ตอนนี้รอการรักษาอย่างเร่งด่วนอยู่ ฉุนอันจวิ้นอ๋องได้ยินว่ามีคนเจ็บหลายคนจึงล่วงหน้าไปเชิญท่านนักพรตแล้ว ก่อนไปสั่งการให้ข้าน้อยจัดการดูแลคนเจ็บให้ดี เนื่องจากเหตุการณ์กระชั้นชิดไม่ทันได้รายงานทั่วถึง คุณหนูทุกท่านโปรดอย่าได้ตำหนิเลย”
สีหน้าคุณหนูทั้งหลายคลายโทสะลงเล็กน้อย “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง พวกข้าขวัญอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร จู่ๆ มองเห็นในเกี้ยวเล็กซ่อนตัวบ่าวไพร่หยาบกระด้างผู้หนึ่ง ก็เลยเข้าใจผิดว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในสวนด้านหลัง เมื่อครู่เสียมารยาทไป รับคำขออภัยจากพวกเราด้วยก็แล้วกัน”
มุมปากเถิงอวี้อี้ปรากฏรอยยิ้มจางๆ นางแหวกผ้าโปร่งบางสีดำของหมวกม่านแพรแล้วค้อมกายคารวะตอบ “มิอาจรับไว้ได้หรอกเจ้าค่ะ เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันจนพลาดพลั้งล่วงเกินไปมาก จะว่าไปแล้วเป็นความผิดของพวกเราทั้งสิ้น”
เหล่าคุณหนูเห็นนางกิริยานอบน้อมนุ่มนวล ในใจก็เกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมา มีบางคนลดเสียงลงเอ่ยว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนเคยได้ยินว่ามีปีศาจร้ายออกอาละวาด ระหว่างนั้นมีคุณหนูตายไปตั้งหลายคน แต่พวกนางร่างกายไร้ร่องรอยบาดแผล ทางการจึงเข้าใจผิดว่าตายโดยไม่มีอาการเจ็บป่วย จนกระทั่งมีคนมาร้องเรียนมากเข้า เรื่องก็เลยไปสะเทือนถึงศาลต้าหลี่น่ะสิ”
เถิงอวี้อี้พลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ในชาติก่อนช่วงญาติผู้พี่ประสบเหตุร้ายไม่เคยได้ยินว่าเมืองฉางอันมีปีศาจออกอาละวาด บริเวณลำคอของญาติผู้พี่มีรอยโดนรัดชัดเจน แสดงให้เห็นว่าถูกคนทำร้ายแน่นอน เหตุใดถึงกล่าวว่า ‘ร่างกายไร้ร่องรอยบาดแผล’ หรือว่าปีศาจที่พบในป่าคืนนี้มิใช่ผู้ร้ายที่สังหารญาติผู้พี่ในชาติก่อน
“ในเมื่อเชิญศาลต้าหลี่กับนักพรตชิงซวีจื่อมาได้แล้ว สุดท้ายจะเป็นตัวอะไรออกอาละวาดคิดว่าเร็วๆ นี้คงตรวจสอบจนกระจ่างได้ คุณหนูเถิง ปล่อยให้บ่าวชายผู้นี้รอการรักษาอยู่ข้างนอกก็พอ ไยต้องพาเขาเข้ามาในเขตเรือนที่พักด้วย”
ตู้ฮูหยินแย้มยิ้มพลางตอบว่า “เพราะไม่อาจโดนลมเย็นได้ ถ้าหากให้รั้งรออยู่ข้างนอกเกรงว่าไม่ทันรักษาก็คงไม่รอดแล้ว จะว่าไปเขาทุ่มเทปกป้องเจ้านายถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ จะทอดทิ้งไม่เหลียวแลได้อย่างไร”
คุณหนูทั้งหลายมีสีหน้าลังเล “แต่ว่าในงานมีคุณหนูหลายคนดื่มจนเริ่มเมาแล้ว ถ้าหากปล่อยให้บ่าวชายผู้นี้มานอนอยู่ในเรือนอย่างเปิดเผย แล้วเวลาพวกนางมาพักผ่อนที่นี่ โดนเขาล่วงเกินเข้าจะทำเช่นไรดีเล่า”
เวินกงกงเอ่ยตอบ “เป็นเพราะข้าน้อยคิดไม่รอบคอบเอง เข้าใจว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นสตรีทั้งหมด ตอนรอรับคุณหนูเถิงกับตู้ฮูหยินตรงหน้าประตูถึงรู้ว่ามีบ่าวชายได้รับบาดเจ็บด้วย ก่อนหน้านี้จัดการให้คุณหนูรองบุตรสาวนายอำเภอต่งเข้าพักที่ศาลาหลั่นสยาไปแล้ว ไม่สามารถหาเรือนที่พักอื่นได้ชั่วขณะ จำต้องทำเช่นนี้ไปชั่วคราว แต่คุณหนูทุกท่านวางใจได้ ข้าน้อยสั่งการให้คนเตรียมเรือนเจาเล่อด้านข้างแล้ว ใช้เวลาอย่างมากที่สุดหนึ่งเค่อก็เรียบร้อย”
พอท่าทีของพวกนางเริ่มผ่อนคลายลง จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไร”
สตรีรูปโฉมงามพิลาสล้ำนางหนึ่งเดินกรีดกรายเข้ามาในเรือนที่พัก นางย่างก้าวไปพลางใช้นัยน์ตาเปล่งประกายมีชีวิตชีวาเหลียวมองผู้คนโดยรอบไปด้วย จอนผมของสตรีผู้นี้ทัดประดับด้วยชุ่ยเตี้ยนกลิ่นอายสง่างามเยือกเย็น ท่วงทีกิริยาล้วนไม่ธรรมดา
เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ต่างทยอยเข้ามาคารวะ นางคือฮูหยินอันกั๋วกงนั่นเอง