ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 3-4
เถิงอวี้อี้กวาดสายตามองจากทางซ้ายไปทางขวา ถือโอกาสให้เวินกงกงยกร่างคนเจ็บเข้าไปข้างใน ชั่วพริบตาเดียวพอไปถึงระเบียงทางเดิน ก็หันกลับมาย่อเข่าคารวะ “ขอบคุณฮูหยินมากที่หลีกทางให้”
นัยน์ตาเกียจคร้านของฮูหยินอันกั๋วกงแฝงรอยยิ้มบางเบา “เจ้าเป็นบุตรสาวบ้านใดกัน ไม่เคยเห็นเจ้าในฉางอันมาก่อน”
เวินกงกงกับตู้ฮูหยินยุ่งกับการจัดเตรียมดูแลคนเจ็บ เถิงอวี้อี้อยากตามเข้าไปในห้องด้วย ทว่าจำต้องอดทนและฝืนยิ้มเอาไว้ “เรียนฮูหยิน ข้าน้อยแซ่เถิง ท่านพ่อคือไหวหนานเจี๋ยตู้สื่อ นามว่าเถิงเซ่าเจ้าค่ะ”
“ที่แท้เป็นบุตรสาวแม่ทัพเถิงนี่เอง เมื่อครู่ข้าเมามายจนเสียมารยาทไป ถ้าเผลอแสดงกิริยาไม่เหมาะสมต้องขออภัยคุณหนูเถิงด้วย”
เถิงอวี้อี้แสร้งวางมาดเป็นคนใจกว้าง “ฮูหยินกล่าวหนักไปแล้ว เป็นแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น”
ฮูหยินอันกั๋วกงปิดปากหัวเราะ “ข้ารู้ว่าคุณหนูเถิงยังโกรธเคืองข้าอยู่ ตอนนี้ข้าสร่างเมาพอดี เข้าใจกระจ่างว่าอะไรเป็นอะไร เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะให้ของดีกับเจ้าอย่างหนึ่ง ถือว่าชดเชยความผิดของข้า”
นางดึงถุงหอมออกจากเอว หยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีเขียวหยกขนาดเล็กใบหนึ่งขึ้นมา
“เมื่อปีกลายท่านกั๋วกงได้มาจากนักพรตชิงซวีจื่อ ว่ากันว่าป้องกันพิษได้สารพัดชนิด ข้าผู้นี้ขวัญอ่อนเป็นที่สุด หลังจากได้ยาขวดนี้มาก็พกติดตัวเสมอ จะว่าไปแล้วก็บังเอิญนัก ไม่กี่เดือนก่อนข้ากับแม่นมไปเที่ยวเล่นที่ตำบลเหวยชวี ไม่ทันระวังพบเจอสิ่งชั่วร้ายเข้า นอกจากแม่นมจะหมดสติไม่ยอมฟื้น ร่างกายยังเปลี่ยนสีราวกับอาบย้อมด้วยผงทอง ข้าตกใจกลัวแทบแย่ ก่อนจะคิดถึงยาขวดนี้ขึ้นมาได้ จึงลองป้อนให้นางเม็ดหนึ่งด้วยความรีบร้อน เวลาผ่านไปแค่ครึ่งก้านธูปก็ดีขึ้นแล้ว”
เถิงอวี้อี้ฟังคำบอกเล่าเช่นนี้แล้วก็ตื่นตระหนกอยู่ในใจ ไม่นึกเลยว่าจะสอดคล้องกับอาการของญาติผู้พี่ในตอนนี้ไม่มีผิดเพี้ยน
ตู้ฮูหยินกับผู้ดูแลหญิงของนายอำเภอต่งได้ยินคำพูดหลายประโยคของนาง ก็รีบแหวกผ้าม่านเดินออกมาจากในห้อง
“ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกเจ้าไปเจอสิ่งชั่วร้ายอะไรมา แต่นักพรตชิงซวีจื่อมีพลังฝีมือลึกล้ำ ยาที่เขาปรุงขึ้นจะต้องขับไล่สิ่งชั่วร้ายไปได้แน่ พวกเจ้าลองเอาไปใช้ก่อนก็ได้ บางทีอาจจะต้านทานได้สักระยะ”
ตู้ฮูหยินดีใจอย่างไม่คาดฝัน ชีวิตบุตรสาวแขวนอยู่บนเส้นด้าย รอมาพักใหญ่นักพรตชิงซวีจื่อก็ยังไม่ปรากฏตัวเสียที สำหรับนางยาวิเศษนี้จึงเป็นดั่งหยาดฝนพร่างพรมหลังภัยแล้งอันยาวนาน นางรีบเดินลงจากบันได แล้วคุกเข่าคารวะเต็มพิธีการ “ขอบคุณฮูหยินมากเจ้าค่ะ”
เถิงอวี้อี้ในใจเฝ้าครุ่นคิดเพียงว่าจะช่วยชีวิตญาติผู้พี่กับตวนฝูเช่นไร เมื่อนางเก็บงำจิตใจอันคับแคบไปได้ ก็ยอบกายคารวะอย่างเป็นงานเป็นการตามตู้ฮูหยิน
ฮูหยินอันกั๋วกงสั่งคนประคองพวกนางให้ลุกขึ้น ก่อนกล่าวแก้ต่างเพื่อกลบเกลื่อนการกระทำน่าขบขันของตนเองว่า “ใครใช้ให้ข้าเมามายแล้วทำตัวเสียมารยาทเล่า ให้ของแทนคำขอโทษก็สมควรแล้ว เช่นนี้นับว่าไม่เกิดความเข้าใจผิดคงไม่ได้ทำความรู้จักกันกระมัง ข้ายิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเด็กผู้นี้น่าเอ็นดูนัก มานี่สิ ถอดหมวกม่านแพรให้ข้าดูหน้าเสียหน่อย”
เถิงอวี้อี้เลิกผ้าเนื้อโปร่งสีดำขึ้นตามคำขอ ทว่านางบังเอิญก้มลงมองพื้นอย่างไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นดวงตาพลันฉายแววตะลึงงัน
ทุกอากัปกิริยาของฮูหยินอันกั๋วกงมีจริตเย้ายวน นางกุมมือเถิงอวี้อี้ไว้พลางว่า “ ‘ความรุ่งเรืองทั่วสี่ทิศ พรรณนาไว้ที่ก่วงหลิง’ ได้พบหญิงงามเช่นคุณหนูเถิง ข้าถึงรู้ว่าความโด่งดังของหยางโจวมาจากที่ใด ข้าอยากไปท่องเที่ยวหยางโจวมานานแล้ว แต่จนปัญญาที่ร่างกายสู้ไม่ไหว หาได้ยากที่จะพบคนถูกชะตา คุณหนูเถิงจะยอมพูดคุยเรื่องราวของที่นั่นให้พวกเราฟังสักหน่อยได้หรือไม่”
คุณหนูทั้งหลายหยอกล้ออย่างสุภาพ “ปกติเคยได้ยินแต่ว่าฮูหยินอันกั๋วกงเชี่ยวชาญเป็นเลิศทั้งด้านบทกวี สุรา และการบรรเลงฉิน แทบไม่เคยเห็นฮูหยินสนใจอะไรถึงเพียงนี้ ถึงอย่างไรคนบาดเจ็บหลายคนนั้นก็ได้ยาช่วยชีวิตแล้ว ไปนั่งพูดคุยให้สร่างเมาในห้องข้างๆ ดีกว่า รอท่านนักพรตมาถึงแล้วค่อยไปก็ไม่สาย”
นางเพิ่งจะรับของขวัญจากผู้อื่นมา จึงไม่อาจกล่าวคำว่า ‘ไม่’ ออกไปได้เลย
ตู้ฮูหยินร้อนใจอยากจะเข้าห้องไปดูแลคนบาดเจ็บ นางตบหลังมือเถิงอวี้อี้แผ่วเบา ลดเสียงลงเอ่ยว่า
“ไปเถอะ ป้าจะเข้าไปป้อนยาในห้องแล้ว เจ้าเพิ่งมาถึงฉางอัน ถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับคุณหนูเหล่านี้เพิ่มขึ้นบ้างสิ วันข้างหน้าจะได้ไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนมกว่าเดิม”
เถิงอวี้อี้จ้องมองมือข้างนั้นของฮูหยินอันกั๋วกงที่กุมมือตนเองอยู่ ในใจมีแต่ความหวาดกลัวระคนสงสัยไม่คลาย พอใคร่ครวญชั่วครู่ก็ฝืนยิ้มตอบรับ
เนื่องจากโดนโอบล้อมไว้ทั้งสองด้าน เถิงอวี้อี้จึงจำใจเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับเหล่าคุณหนู ไม่คาดคิดว่าเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ก็มีของชิ้นหนึ่งหลุดจากเข็มขัดเตี๋ยเซี่ยที่คาดเอวไว้ พอร่วงลงบนพื้นเสียงดังตุ้บมันก็กลิ้งหลุนๆ ไปตลอดทาง จนถึงปลายเท้าฮูหยินอันกั๋วกงถึงค่อยหยุดนิ่ง
ที่แท้ของสิ่งนั้นคือผ้าแพรปักดิ้นเงินรูปร่างกลมดิก เถิงอวี้อี้กะพริบตาปริบๆ
“ขออภัยเจ้าค่ะ เป็นถุงหอมของข้าเอง”
นางค่อยๆ เดินออกห่างจากพวกคุณหนูทั้งหลายแล้วก้าวออกไปเก็บของสิ่งนั้น ขณะลุกขึ้นยืน ‘ไม่ทันระวัง’ ไปแตะโดนแขนข้างขวาของฮูหยินอันกั๋วกงเข้า สัมผัสได้ว่าภายใต้ผ้าเนื้อนิ่มเบาบางชั้นหนึ่งเป็นบางสิ่งแข็งกระด้างจนเจ็บมือ
เถิงอวี้อี้ประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด กวาดสายตามองไปรอบเรือนที่พัก
ผู้ดูแลหญิงสกุลต่งก็ร้อนอกร้อนใจเหลือเกินแล้ว เห็นตู้ฮูหยินกำลังจะแบ่งยาให้สตรีนางนั้น ก็สาวเท้าก้าวเข้าไปแย่งขวดยามาเสีย “ช้าก่อน”
ทุกคนต่างตะลึงงัน
เถิงอวี้อี้เหม่อมองขวดยาใบนั้น ทว่าโสตประสาทกลับจดจ่ออยู่กับความเคลื่อนไหวโดยรอบ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรศาลาหลั่นสยาจึงบรรยากาศเงียบสนิทวังเวงปานนี้ เดิมทีสมควรมีเสียงดนตรีดังครึกครื้นจากข้างนอก ตอนนี้กลับไร้ซึ่งเสียงใดลอยปะปนให้ได้ยิน
ยามนี้สถานการณ์แปลกประหลาดหาคำอธิบายไม่ได้ เถิงอวี้อี้ข่มกลั้นความหวาดกลัวที่ปั่นป่วนในอก เอ่ยปากอย่างไม่สะทกสะท้าน