ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 3-4
บทที่ 4
ฮูหยินอันกั๋วกงโมโหเดือดดาลถึงขีดสุด ร่างกายไม่อาจดิ้นรนให้หลุดพ้นไปได้ชั่วขณะ นางจึงยื่นมือไปคว้าเด็กสาวข้างกายก่อนที่สิ่งนั้นจะพันธนาการตนเองเสียเลย
“เจ้าเด็กอวดดี กล้าใช้เล่ห์กลลวงตาเช่นนี้ลอบทำร้ายข้า มัดข้าไว้แล้วคิดว่าจะขัดขวางได้อย่างนั้นรึ ข้าจะลากนางลงหลุมไปด้วยเลยก็แล้วกัน”
ขณะที่นางกำลังยืดแขนยาวออกไป จู่ๆ คมกระบี่สีเขียวมรกตเปล่งประกายวาววับเย็นเยียบก็แทงเข้าใส่ตรงๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว นี่เป็นกระบี่หยกมรกตซึ่งเคยทำให้นางต้องเสียเปรียบก่อนหน้านี้นั่นเอง
เถิงอวี้อี้เริ่มขยับได้ตั้งแต่ตอนที่ฮูหยินอันกั๋วกงถูกเบนความสนใจไปแล้ว การลอบจู่โจมปีศาจตนนี้มิใช่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยเด็กสาวผู้นั้น แต่เพราะอยากให้ปีศาจตนนี้รีบตายไปโดยเร็วต่างหาก
เถิงอวี้อี้เป็นคนนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นที่สุด แทบอยากป่นกระดูกโปรยขี้เถ้าปีศาจตนนี้ พอสังเกตเห็นว่านางปีศาจจะเล่นลูกไม้สกปรกอีกครั้ง แล้วนางจะปล่อยให้อีกฝ่ายสมหวังได้อย่างไรเล่า
แต่ทว่านางยังไม่ทันจ้วงแทงกรงเล็บซ้ายของปีศาจ ‘โซ่เหล็ก’ ก็พลันกระชับรัดแน่น ดวงตาฮูหยินอันกั๋วกงถลนปูดโปน ถูกกระชากลอยขึ้นไปในพริบตา
ข่ายอาคมพังทลายแล้ว เหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างตกใจหน้าเปลี่ยนสี ภายในเรือนเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ปลายเชือกอ้อมวนรอบหนึ่ง ก่อนจะพุ่งกลับมาอยู่ในมือเด็กหนุ่ม เขายิ้มจนตาหยีที่จับปีศาจตนนั้นได้สำเร็จ จากนั้นถือโอกาสโยนของสิ่งหนึ่งให้เถิงอวี้อี้
“เอายานี้ไปให้คนเจ็บกิน”
เถิงอวี้อี้รับขวดยาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด นางเพ่งพินิจดูคนผู้นั้นโดยละเอียด บนศีรษะสวมหมวกหย่วนโหยวประดับหยกขาว ส่วนเอวห้อยกระบี่ด้ามทองไว้ เขาสวมชุดคลุมยาวสีม่วงและถุงเท้าสีดำ ตามระเบียบของราชวงศ์นี้ นี่เป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ของเชื้อพระวงศ์ระดับชินอ๋อง
เมื่อพิจารณารูปลักษณ์ภายนอก อีกฝ่ายอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปี เรือนกายสูงโปร่งสมส่วน ท่วงท่ากิริยาหล่อเหลาสง่างาม หากรอยยิ้มบนใบหน้ามิได้เผยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินไปคงจะเป็นบุรุษรูปงามที่หาได้ยากยิ่งผู้หนึ่งจริงๆ
เถิงอวี้อี้จดจำได้แล้วว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือใคร เขาเป็นพระนัดดาแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เป็นบุตรชายคนโตของคู่สามีภรรยาเฉิงอ๋อง นับเป็นบุตรหลานเชื้อพระวงศ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รักใคร่โปรดปรานเหนือผู้ใด มีนามว่า ‘ลิ่นเฉิงโย่ว’
เถิงอวี้อี้ชำเลืองมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนหันกลับไปดึงท่านป้าที่ยังมึนงงเล็กน้อยเข้าไปในห้อง “ขอบคุณซื่อจื่อมากเจ้าค่ะ”
ชาติก่อนนางเคยทำความรู้จักกับลิ่นเฉิงโย่วเพียงครั้งเดียว ก็คือในงานเลี้ยงชมบุปผาที่อารามอวี้เจิน
ในเวลานั้นสกุลต้วนกับสกุลเถิงถอนหมั้นกันไปแล้ว บิดายังคงบัญชาการกองทัพอยู่ที่เขตไหวหนาน เถิงอวี้อี้เต็มใจรั้งอยู่บ้านของบรรพบุรุษตรงเหยียนโซ่วฟาง* ในเมืองฉางอันต่อเพื่อคอยดูแลท่านป้าที่ล้มหมอนนอนเสื่อ ยิ่งวันลงจากตำแหน่งของบิดาใกล้เข้ามาเท่าไร ก็มักจะมีจดหมายของบิดาจากเขตไหวหนานส่งกลับมาที่จวนบ่อยครั้งขึ้น นางไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง แต่คาดเดาว่าเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายกลับเมืองหลวงของบิดาเป็นแน่
ยามนั้นสาเหตุการตายของญาติผู้พี่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบแน่ชัด อีกทั้งนางต้องปรนนิบัติดูแลท่านป้าที่ล้มป่วยอยู่ทุกวันจนจิตใจหดหู่เศร้าหมอง ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ใดเสียนาน วันนั้นตอนผู้ดูแลหญิงในจวนนำเทียบเชิญมาให้ เดิมทีนางไม่อยากออกไปร่วมงานหรอก แต่พอได้ยินว่าผู้จัดงานเลี้ยงคือฮองเฮา ถึงได้ทำตัวให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าเตรียมออกงาน
เหตุการณ์เป็นไปตามที่เถิงอวี้อี้คาดเดา บรรยากาศงานเลี้ยงชมบุปผาคึกคักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์แต่งกายหรูหราเต็มยศ จับกลุ่มอยู่รวมกันที่มุมหนึ่งของงาน ว่ากันว่าไม่ใช่เพียงฮองเฮา แม้กระทั่งพระชายาเฉิงอ๋องที่ปกติจะออกเดินทางท่องเที่ยวยังมาร่วมงานด้วย
เถิงอวี้อี้ติดตามคุณหนูทั้งหลายไปถวายพระพรฮองเฮาและคารวะพระชายาเฉิงอ๋อง จู่ๆ ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบว่า ‘ดูสิ นั่นคือเฉิงอ๋องซื่อจื่อ’
เถิงอวี้อี้มองไปตามเสียงกระซิบนั้น ก็เห็นเด็กหนุ่มรูปงามท่าทางสง่าผ่าเผยเดินผ่านสวนดอกไม้ไปพอดี
ซื่อจื่อผู้นี้สวมชุดลำลองแขนเสื้อแคบทรงลูกธนู ท่อนแขนคล้องคันธนูสีทองอร่ามตา ท่าทางไม่คล้ายผู้มาร่วมงานเลี้ยง กลับคล้ายพร้อมออกจากที่นี่ไปล่าสัตว์ได้ทุกเมื่อมากกว่า
‘เอ๋? เขาดูเหมือนมาชมโฉมสตรีที่ใดกัน มาเล่นสนุกมากกว่ากระมัง’
‘ข้าได้ยินว่าตอนแรกเขาจะไปเล่นตีจีจวี แต่โดนพระชายาเฉิงอ๋องบังคับพามาแบบจวนตัวน่ะสิ’
งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ เถิงอวี้อี้ก็ติดตามเหล่าสตรีไปลูบพรมฉิน ลิ้มรสชา ชมบุปผา แสดงความสามารถออกมาอย่างงดงามเพียบพร้อม เพราะนางพอจะคาดเดาความนัยลึกซึ้งของเบื้องหลังงานชุมนุมกวีที่ฮองเฮาจัดขึ้นครั้งนี้ได้แล้ว ยามสนทนาเรื่องสัพเพเหระก็คล่องแคล่วฉะฉานมีคารมคมคาย ยามแต่งกลอนก็ใช้สำนวนแปลกใหม่ แม้กระทั่งการพูดจากับบ่าวไพร่ในมุมที่มีคนบางตา ก็นุ่มนวลมีน้ำอดน้ำทนกว่าปกติ
หลังงานชุมนุมกวีสิ้นสุดลงฮองเฮากับพระชายาเฉิงอ๋องเจาะจงเรียกตัวเถิงอวี้อี้มาพบอย่างใกล้ชิด นางตอบคำถามหลายข้ออย่างสุภาพเรียบร้อย ขณะเดินกลับออกมาได้ยินเสียงนางกำนัลวิพากษ์วิจารณ์
‘ข้าเดาว่าจะต้องเป็นคุณหนูบ้านแม่ทัพเถิงแน่ รูปโฉมคุณหนูผู้นี้ก็โดดเด่นสะดุดตาเหลือเกิน เห็นซื่อจื่อหยิ่งผยองถือดี แต่อย่างไรเสียก็ถึงวัยสนใจเรื่องความรักหนุ่มสาวแล้ว หากเขาเห็นคุณหนูสกุลเถิงกับตาตนเองจะต้องรู้สึกหวั่นไหวแน่’
‘ใช่แล้ว ดูสีหน้าพระชายาสิ ท่าทางพอใจสกุลเถิงมากทีเดียว ซื่อจื่อน้อยไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น เว้นแต่ท่านพ่อท่านแม่ตนเอง เมื่อมีพระชายาอยู่ด้วยซื่อจื่อคงไม่กล้าทำเรื่องเหลวไหล ถ้าหากครั้งนี้ซื่อจื่อยังกล้าหนี จะต้องโดนพระชายาลงโทษยกใหญ่เชียว’