ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 34
บทที่ 34
เฮ่อหมิงเซิงตะลึงงัน ลิ่นเฉิงโย่วกล่าวประโยคนั้นจบก็นั่งลงที่เดิม ไม่คิดจะเดินไปที่ใดอีก
ไม่นานก็มีสาวใช้เดินห้อมล้อมหญิงงามสองคนเข้ามา คนทางซ้ายนั้นชื่อเว่ยจื่อ เนินอกสองข้างขาวเนียนเปล่งปลั่งราวเกล็ดน้ำค้าง ขณะเดินเยื้องย่างหน้าอกสั่นไหวเย้ายวนยิ่ง
ส่วนหญิงงามพริ้มเพรานิ่มนวลอีกคนชื่อเหยาหวง บนเรือนร่างคล้ายมีกลิ่นอายเย่อหยิ่งไว้ตัวราวคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์
คำกล่าวของเฮ่อหมิงเซิงมิใช่ความเท็จ พวกนางสองคนต่างมีท่าทางอ่อนเพลียเล็กน้อย ริมฝีปากเว่ยจื่อแต้มชาดสีแดงเข้มฉ่ำวาว ทว่ากลับปกปิดสีหน้าซีดเซียวเอาไว้ไม่มิด
ใบหน้าเหยาหวงก็แลดูซูบลงเช่นกัน โชคดีที่จิตใจยังสดชื่นแจ่มใสไม่เลว สายคาดกระโปรงของนางเหมือนรมด้วยกลิ่นหอมประหลาด ยามเดินเหินกลิ่นหอมฟุ้งกระจายถึงผู้คนรอบข้าง พอก้าวมาหยุดตรงหน้าจึงเอ่ยเสียงหวานใสไพเราะดั่งเสียงนกขมิ้นว่า “คารวะซื่อจื่อเจ้าค่ะ”
เถิงอวี้อี้ประทับใจเสียงเพลงของเหยาหวงอย่างลึกซึ้งมาแต่แรก เวลานี้ฟังนางเอื้อนเอ่ยวาจาก็รู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำดุจละอองฝนพร่างพรม
เมื่อหลุดจากภวังค์จึงหันหน้ากลับมา เห็นเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อนิ่งอึ้งไปแล้ว นางตระหนักดีว่าไม่อาจชมเรื่องสนุกนี้ต่อไปได้ จึงรีบพาพวกเขาสองคนกลับเรือนหลัง พอมาถึงห้องพักนางก็ยิ้มตาหยีแล้วรินน้ำชาให้เด็กทั้งสอง ศิษย์พี่จะหาความสำราญกับหญิงคณิกาอย่างเปิดเผยไม่รู้สึกกระดากอาย กลับทำให้ศิษย์น้องอึดอัดใจจนอยู่ในสภาพเช่นนี้
“เมื่อครู่พวกท่านไปที่ใดกันมาหรือ” นางหวังดีจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ความจริงก็ไม่ได้ไปไกลนักหรอก” เจวี๋ยเซิ่งรับถ้วยน้ำชาด้วยสองมือ “ศิษย์พี่กับเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนเริ่มจากเดินไปที่ร้านผลไม้ฝั่งตรงข้ามเพื่อสอบถามว่ามีใครมาซื้ออิงเถาแช่อิ่มบ้างหรือไม่ จากนั้นก็ไปร้านเครื่องประดับในละแวกนี้เพื่อสอบถามเบาะแสต่างๆ สุดท้ายไปที่ร้านรับจำนำแล้วเดินวนสำรวจอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อเดินออกมาเห็นเวลาล่วงเลยไปมากแล้วศิษย์พี่กับเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนจึงไปกินอาหารที่ร้านสุราใกล้ๆ”
ร้านผลไม้? ร้านเครื่องประดับ? เถิงอวี้อี้จิบน้ำชา เรื่องนี้คาดเดาได้ไม่ยาก ก็แค่พบอะไรบางอย่างเข้าในห้องของชิงจือผู้นั้นกระมัง
แต่ร้านรับจำนำนี่มันเรื่องอะไรกัน ตอนชิงจือยังมีชีวิตอยู่เคยเอาสิ่งของไปจำนำหรือ
ชี่จื้อหยิบขนมหลายห่อออกจากอกเสื้อ “คุณหนูเถิง ท่านลองชิมขนมชนิดนี้ดูสิ”
เถิงอวี้อี้เห็นว่าเป็นขนมแป้งม้วนยัดไส้ คิดว่าลิ่นเฉิงโย่วคงซื้อมาให้ศิษย์น้อง นางจึงไม่ยอมรับมา ได้แต่เอ่ยยิ้มๆ ว่า “พวกท่านเก็บไว้กินเองเถอะ ข้าไม่ชอบกินอาหารชาวหูสักเท่าไร”
ชี่จื้อวางขนมในมือเถิงอวี้อี้โดยไม่ยอมให้ปฏิเสธ “อันนี้ไม่เหมือนกัน คุณหนูเถิงลองกินดูก็รู้แล้ว”
เจวี๋ยเซิ่งพยักหน้าสุดชีวิต “ข้ากับชี่จื้อเพิ่งเคยกินขนมแป้งม้วนยัดไส้ชนิดนี้เป็นครั้งแรก คิดว่าพวกท่านก็คงชอบถึงได้เอากลับมาหลายห่อ ลุงเฉิง พี่ฮั่วชิว นี่เป็นส่วนของพวกท่านนะ”
ลุงเฉิงกับฮั่วชิวเผยรอยยิ้มประหลาดใจ “ของพวกเราก็มีด้วยหรือ”
เถิงอวี้อี้ถือขนมห่อนั้นขึ้นมาพลางครุ่นคิด ถึงแม้ลิ่นเฉิงโย่วจะเป็นคนออกเงิน แต่น้ำใจนี้กลับเป็นของนักพรตน้อยสองคนที่อุตส่าห์เอากลับมาฝากพวกตน ไม่กินก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงยิ้มแย้มด้วยความยินดี “ในเมื่อเป็นน้ำใจของนักพรตน้อย ถ้าอย่างนั้นก็กินเถอะ พวกเรานายบ่าวไม่ต้องเตรียมอาหารกลางวันอีก กินขนมพวกนี้คงพออิ่มท้องแล้ว”
เพิ่งกินไปได้หนึ่งคำนางก็ตะลึงงันแล้ว “เอ๋? นี่มันไส้อะไรกัน”
เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อดวงตาเป็นประกาย “คาดเดาไม่ถูกใช่หรือไม่ พวกเราก็คาดเดาไม่ถูกเช่นกัน จากคำบอกเล่าของเถ้าแก่ร้านชาวหู เขาว่าในขนมชนิดนี้จะใส่วัตถุดิบประมาณยี่สิบสามสิบอย่าง นอกจากเห็ดหอม ขนมแป้งนุ่มโท่วฮวาฉือ* กับน้ำนมหมักแล้ว ยังมีวัตถุดิบที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนอีกหลายอย่าง”
เมื่อก่อนลุงเฉิงมักจะเดินวนเวียนอยู่ตามตรอกซอกซอย ก็นับได้ว่าเป็นผู้มีความรอบรู้และประสบการณ์กว้างขวาง ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกงุนงงอยู่บ้าง “ท่านนักพรตน้อย ขนมแป้งม้วนยัดไส้ชุดหนึ่งใส่ของดีตั้งมากมายเพียงนี้ กลัวว่าคงตั้งราคาขายไม่ใช่ง่ายๆ กระมัง เพราะขายถูกก็ขาดทุน ขายแพงไปก็ไม่มีคนซื้ออีก”
เจวี๋ยเซิ่งกล่าวกับลุงเฉิงว่า “ลุงเฉิง ท่านคงจะไม่รู้ เถ้าแก่ร้านชาวหูผู้นี้เป็นคนรู้จักเก่าแก่ของศิษย์พี่ พอเห็นศิษย์พี่มาเยือนถึงได้เข้าครัวด้วยตนเอง ปกติไม่ทำขายหรอก ให้เงินเยอะเท่าใดก็ไม่ขาย”
ตอนแรกเถิงอวี้อี้ตั้งใจจะกินเล่นสองคำ ปรากฏว่ากินไปเรื่อยๆ กลับเพลิดเพลินจนวางไม่ลง ความกรุบกรอบของเห็ดหอมกับความหวานหนึบของน้ำนมหมักคละเคล้าอบอวลอยู่ในปากทำให้คนยากจะตัดใจ เพิ่งกินอิ่มไปมื้อหนึ่งก็เริ่มคิดถึงมื้อต่อไปแล้ว
นางใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดมือพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ใดหรือ วันหน้าข้าจะซื้อไปให้ญาติผู้พี่กับท่านป้าได้ลิ้มลองสักสองสามห่อ”
“อยู่ข้างหน้าออกไปไม่ไกล เถ้าแก่ชื่อเฮอโม่ แต่คุณหนูเถิงอย่าไปเลยดีกว่า อย่างที่บอกเฮอโม่ไม่มีทางขายให้หรอก ต่อเพิ่มเงินให้มากเพียงใดก็ไม่ขาย”
“เป็นเพราะเหตุใดกัน”
เจวี๋ยเซิ่งโบกไม้โบกมือ “คนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาดนัก หลังทำขนมแป้งม้วนยัดไส้เสร็จแล้ว ออกมาทักทายศิษย์พี่คำหนึ่งก็หายหน้าไปเลย ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นคิดว่าแม้แต่หน้าคงไม่โผล่มาให้เห็น กระทั่งเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนจะชวนเฮอโม่คุยด้วยเขาก็ยังไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ”