ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 36 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 36

นางปรายตามองผ่านขอบถ้วยชาสำรวจคนผู้นั้น แต่เห็นอีกฝ่ายสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ไม่รู้ว่าภายในใจไร้ความละอาย หรือมั่นใจว่าลิ่นเฉิงโย่วไม่มีทางตรวจสอบมาถึงตนเองได้กันแน่

ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มเยาะ “น่าเสียดาย ไม่นานชิงจือก็ตายไปเสียก่อน เรื่องนี้จบลงอย่างไร้พยานหลักฐาน หากต้องการสืบต้นสายปลายเหตุให้กระจ่างยังต้องตรวจสอบทีละเรื่องตั้งแต่ต้น เมื่อครู่อาเหยียนบอกว่าทุกเดือนชิงจือจะออกจากหอไปสามครั้ง แต่ว่าสาวใช้อย่างชิงจือมักทำงานถึงช่วงกลางคืนจึงมีโอกาสออกจากหอ ตอนนั้นประตูผิงคังฟางปิดไปเรียบร้อยแล้ว อย่างมากที่สุดก็เดินเตร็ดเตร่อยู่ในอาณาบริเวณนี้ ข้าไม่รู้ว่าชิงจือเดินเล่นแถวใด ก็เลยต้องเดินวนดูร้านค้ากับร้านสุราในผิงคังฟางรอบหนึ่ง โชคดีที่การค้นหาครั้งนี้ทำให้ข้าพบเจอของดีบางอย่างเข้า”

เขาหยิบหลักทรัพย์จำนำกองหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมา “ทุกครั้งเวลาชิงจือออกจากหอส่วนใหญ่จะออกไปทำธุระสามเรื่อง หนึ่งคือซื้อสุราอาหาร สองคือฝากคนสืบข่าวคราว สามคือบางครั้งก็ไปจำนำของที่ร้านรับจำนำ ร้านรับจำนำแห่งนั้นอยู่ในผิงคังฟางนั่นเอง ชิงจือเคยไปจำนำของสี่ชิ้นตามลำดับ

ครั้งแรกเป็นกำไลแขนไหมเงินข้างเดียว ครั้งที่สองเป็นจี้ต่างหูปะการังข้างเดียว ครั้งที่สามเป็นตะขอเงินข้างเดียว เพราะทุกครั้งจะต้องขาดหายไปข้างหนึ่ง เถ้าแก่ร้านรับจำนำคาดเดาว่าเครื่องประดับพวกนี้ที่มาไม่ชัดเจน ยอมรับของไว้อยู่หรอก แต่กลับให้เงินชิงจือสองร้อยเฉียนเท่านั้น ชิงจือก็ไม่ต่อรอง ยิ้มหน้าระรื่นรับเงินมาแล้วก็เดินออกจากร้านไป”

บรรดาหญิงสาวดาวเด่นได้ยินแล้วทั้งตกใจระคนโกรธเกรี้ยว “ที่แท้เครื่องประดับหลายอย่างของพวกเราที่หายไปก็ถูกชิงจือขโมยไปนี่เอง สาวใช้ผู้นี้มองดูเหมือนคนโง่เขลาเซ่อซ่า ความจริงแล้วคิดคำนวณรอบคอบนัก เครื่องประดับพวกนี้ไม่ค่อยสะดุดตา กว่าพวกเราจะสังเกตเห็นก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ต่อให้จะสงสัยก็ไม่สงสัยไปถึงตัวนางอีก”

ลิ่นเฉิงโย่วดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกองกระดาษใกล้มือ “ครั้งที่สี่ชิงจือก้าวหน้าขึ้นแล้ว ของที่เอาไปจำนำเป็นปิ่นระย้าผีเสื้อสี่ตัวล้อมทับทิม นี่นับว่าเป็นเครื่องประดับราคาแพงที่สุดเท่าที่นางเคยขโมยมา เถ้าแก่ร้านรับจำนำมอบเงินให้ชิงจือสองพันพวงเงินอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ที่น่าแปลกใจคือไม่กี่วันชิงจือก็มาไถ่มันกลับคืนไปแล้ว มิหนำซ้ำหลังจากนั้นนางก็ไม่เคยไปจำนำของอีกเลย”

แววตาเถิงอวี้อี้เรียบนิ่ง นี่สิน่าสนใจมากจริงๆ ในเมื่อขโมยไปจำนำแล้ว เหตุใดยังต้องไปไถ่กลับคืนมา

ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ต้องไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ ข้าขอให้เถ้าแก่ร้านรับจำนำวาดภาพเหมือนของปิ่นระย้าอันนั้นมาให้ พวกเจ้าลองดูสิว่านี่เป็นเครื่องประดับของผู้ใดกัน”

เฮ่อหมิงเซิงกับแม่เล้าหลายคนเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ปิ่นระย้าอันนั้นรูปร่างคล้ายดอกโบตั๋น ตรงเกสรเป็นสีแดงเข้ม ข้างดอกไม้มีผีเสื้อสี่ตัวรายล้อมซึ่งตกแต่งด้วยผงเงิน

“เอ๋? นี่ไม่ใช่ปิ่นระย้าของเหยาหวงหรอกหรือ” ว่อจีหันไปกวักมือเรียกเหยาหวง “เจ้าลองเข้ามาดูเองดีกว่า”

เถิงอวี้อี้เพ่งมองเหยาหวงอย่างตั้งใจ ถึงแม้จะโดนเรียกตัวมากะทันหันช่วงกลางดึกนางก็ยังเกล้าผมดกดำให้เรียบร้อย ดวงหน้าดั่งดอกท้อฤดูใบไม้ผลิ ชุดกระโปรงกับสายคาดเอวไม่พบรอยยับย่นเลยแม้แต่น้อย

เหยาหวงเดินเยื้องย่างมาหยุดถึงหน้าโต๊ะ โน้มตัวลงมองภาพวาดภาพนั้นแล้วกลับรีรอไม่เอ่ยตอบคำ

ลิ่นเฉิงโย่วจ้องมองเหยาหวง มุมปากปรากฏรอยยิ้มบางๆ “เป็นของเจ้าใช่หรือไม่”

แพขนตาเหยาหวงพลันสั่นไหว น้ำเสียงของนางไพเราะเสนาะหู อ่อนหวานดั่งนกขมิ้นโผบินออกจากหุบเขา “ใช่เจ้าค่ะ เป็นของข้าน้อยเอง”

เอ้อจีกับว่อจีพยักหน้าให้การยืนยัน “ไม่ผิดแน่ เมื่อปีก่อนคุณชายใหญ่เว่ยบุตรชายหนิงอันป๋อมอบให้เหยาหวง คุณชายใหญ่เว่ยชำนาญการวาดภาพ วันนั้นตอนเมามายวาดแบบออกมาเองแล้วส่งไปสั่งทำที่ร้านเครื่องประดับ ในฉางอันนี้ไม่มีอันที่สองแน่นอน”

ขณะลิ่นเฉิงโย่วกำลังจะเอ่ยปาก เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่หลายคนกับแม่เล้าก็กลับมาจากเรือนหลังแล้ว

“ตรวจค้นเสร็จแล้ว?” ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยถาม

“ตรวจค้นเสร็จแล้วขอรับ” ขุนนางศาลต้าหลี่ประคองผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งด้วยสองมือพร้อมก้าวเดินอย่างว่องไวเข้ามาใกล้ “ปิ่นระย้าเก็บอยู่ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งของแม่นางเหยาหวงขอรับ”

“รบกวนแล้ว” ลิ่นเฉิงโย่วกล่าวกับขุนนางศาลต้าหลี่สองสามคนนั้น ก่อนหยิบปิ่นระย้าขึ้นมาเปรียบเทียบกับในภาพวาด ยืนยันแน่ใจว่าเป็นอันเดียวกัน

“พวกเจ้าลองทายดูสิว่าเพื่อไถ่ปิ่นระย้าอันนี้กลับคืนมา ชิงจือต้องใช้เงินไปเท่าใด” ลิ่นเฉิงโย่วหมุนปิ่นระย้าเล่น กล่าวด้วยท่าทีเกียจคร้าน “มากเท่าทองคำหนึ่งก้อนเชียว”

ทุกคนต่างตกตะลึงหน้าเปลี่ยนสี นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย

“ชิงจือมอบหยกคืนแคว้นจ้าว เอากลับไปเก็บที่โต๊ะเครื่องแป้งแม่นางเหยาหวงตามเดิม ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่านางเอาทองคำก้อนหนึ่งมาจากที่ใด คิดดูว่ากว่านางจะขโมยของสิ่งนี้ออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเหตุอันใดถึงยอมเอากลับไปคืน”

เหยาหวงสีหน้าสงบผ่อนคลายพลางเอ่ย “ซื่อจื่อสั่งคนตรวจค้นห้องข้าน้อย ที่แท้ก็เพื่อตามหาของสิ่งนี้เองหรอกหรือ ข้าน้อยไม่รู้แม้กระทั่งว่าปิ่นระย้าชิ้นนี้หายไปด้วยซ้ำ จะตอบคำถามนี้กับท่านได้อย่างไร”

ลิ่นเฉิงโย่วลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยว่า “หัวขโมยเอาของไปแล้วยังส่งกลับคืน มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือทำโดยสมัครใจ สองคือทำเพราะโดนบังคับ ไม่ว่าชิงจือจะสมัครใจหรือโดนบังคับ ตั้งแต่นางเอาของไปจำนำจนไถ่คืนมา ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันจะต้องเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นแน่ ชิงจือกับเจ้าทำข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน นางคืนของให้เจ้า ส่วนเจ้าก็ช่วยปิดบังเรื่องนี้ให้นาง”

เหยาหวงใช้พัดกลมปิดริมฝีปาก ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ซื่อจื่อช่างเข้าใจพูดล้อเล่น ข้าน้อยกับชิงจือไม่เคยรู้จักสนิทสนมกัน หากไม่ใช่เพราะนางตกบ่อน้ำตาย ทุกวันนี้ข้าน้อยคงจำชื่อนางไม่ได้ด้วยซ้ำ สาวใช้ผู้นี้ท่าทางแปลกๆ ขโมยของข้าน้อยไปแล้วยังไถ่คืนมา คิดว่าคงรู้ว่าปิ่นระย้าอันนี้หาใช่เครื่องประดับธรรมดา กลัวว่าพอมีคนรู้เรื่องเข้าจะโดนตีตาย ตกใจกลัวจนรีบไปไถ่ของกลับมาก็มิใช่เรื่องแปลก ส่วนทองคำก้อนนั้นนางอาจจะไปขโมยมาจากที่ใดก็ได้”

ลิ่นเฉิงโย่วยกมือไพล่หลังพลางเงยหน้าครุ่นคิด “พูดจามีเหตุผลใช้ได้ อาศัยเพียงเรื่องที่ว่านางขโมยของไปแล้วไฉนยังส่งกลับคืนพิสูจน์อะไรแน่ชัดไม่ได้จริงๆ นั่นล่ะ เพราะฉะนั้นข้ากับเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนจึงไปสอบถามร้านขายผลไม้ฝั่งตรงข้ามเพิ่มเติมว่าช่วงสองเดือนมานี้มีใครมาซื้ออิงเถาอบแห้งบ้าง เถ้าแก่ร้านบอกว่าแม่นางที่มีฐานะในหอไฉ่เฟิ่งไม่เคยออกมาเลือกซื้ออะไรด้วยตนเองอยู่แล้ว อยากกินอะไรแค่ให้คนส่งกระดาษข้อความออกมา พวกเขาจะห่อของให้เรียบร้อยค่อยส่งเข้าไปในหอ ข้ากับเจ้าหน้าที่ไต่สวนเหยียนให้เถ้าแก่ร้านนำใบรายการสั่งซื้อเก่าๆ ออกมา พบว่าเมื่อเดือนก่อนเจ้าเคยซื้ออิงเถาอบแห้งไปหนึ่งห่อใหญ่”

เหยาหวงหัวเราะเบาๆ อย่างมีจริต “ข้าน้อยอยากกินอิงเถาอบแห้งแล้วมีอันใดหรือ ผลไม้อบแห้งชนิดนี้มีขายทุกตรอกถนน ไม่ใช่แค่ชิงจือที่กินได้เสียหน่อย”

“แต่ในใบรายการระบุเอาไว้ชัดเจนว่าในระยะครึ่งปีมานี้เจ้าซื้ออิงเถาอบแห้งเพียงครั้งนั้นครั้งเดียว”

เหยาหวงตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เรียนซื่อจื่อ ถึงแม้ข้าน้อยไม่ชอบกินของหวาน แต่ห้องของข้าน้อยมักมีแขกมาเยี่ยมเยือน คิดว่าคงเป็นคุณชายท่านใดอยากกินอิงเถาอบแห้ง ข้าน้อยจึงสั่งคนให้ออกไปซื้อโดยเฉพาะ เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนแล้ว ข้าน้อยจะไปนึกออกได้อย่างไรกัน”

“ไม่เป็นไร” ลิ่นเฉิงโย่วคัดลอกสมุดบัญชีบนโต๊ะอย่างอดทน “เจ้านึกไม่ออก พวกเราจะช่วยเจ้าให้นึกได้เอง เจ้าซื้ออิงเถาอบแห้งไปเมื่อวันที่สองเดือนก่อน บังเอิญว่าวันนั้นเป็นวันที่ชิงจือไถ่ปิ่นระย้าของเจ้ากลับมาพอดี ดูจากสมุดบัญชีเถ้าแก่เฮ่อของพวกเจ้า ในวันนั้นเจ้านอนป่วยอยู่ที่ห้องไม่ได้ออกมาต้อนรับแขก ข้าก็เลยอยากถามว่าอิงเถาอบแห้งห่อใหญ่ที่เจ้าซื้อมาวันนั้นเอาไปให้ผู้ใดกินกันแน่”

เหยาหวงยกมือดันหน้าผากคิดทบทวนชั่วครู่ จู่ๆ กลับพยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าน้อยนึกออกแล้ว วันนั้นข้าน้อยนอนป่วยอยู่ในห้อง ไม่รู้เพราะอะไรดลใจนึกอยากกินอิงเถาอบแห้งขึ้นมากะทันหัน คนเวลาป่วยไข้รสชาติที่ถูกปากก็ผิดแปลกไป ของที่แต่ก่อนเคยรังเกียจ ไม่แน่ว่าอยู่ดีๆ อาจอยากกินแทบอดใจไม่ไหวขึ้นมา จำได้ว่าวันนั้นข้าน้อยซื้อมาแล้วกินไปกว่าครึ่ง แม้แต่อาหารเย็นก็ไม่ได้กินเจ้าค่ะ”

เถิงอวี้อี้เฝ้ามองอยู่ห่างๆ จนถึงตอนนี้ ในใจเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจมาแต่แรกแล้ว เหยาหวงดื้อรั้นไม่ธรรมดา คงมั่นใจว่าลิ่นเฉิงโย่วไม่มีทางหาหลักฐานมัดตัวได้ อาศัยเพียงการตรวจสอบพบไม่กี่อย่างของลิ่นเฉิงโย่วก็ไม่มีทางพิสูจน์ความจริงได้หรอกว่าเหยาหวงเคยซื้อตัวชิงจือ

ชิงจือตายไปแล้ว หากยังซักถามเพียงผิวเผินเช่นนี้ต่อไปมีแต่จะทำให้เหยาหวงแต่งเติมคำแก้ต่างของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบดั่งภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ

เถิงอวี้อี้ชำเลืองมองด้วยหางตาแวบหนึ่ง ลิ่นเฉิงโย่วเป็นแมวมาจนเคยชิน เหตุใดวันนี้ถึงโดนหนูข่มได้

ลิ่นเฉิงโย่วส่งเสียงอุทานในลำคอเสียงหนึ่ง “ข้าอุตส่าห์นึกว่าเจ้าซาบซึ้งใจที่ชิงจือเอาปิ่นระย้ามาคืนจึงตั้งใจซื้ออิงเถาอบแห้งที่นางชอบกินมาให้ ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่ามา นอกจากชิงจือจะไม่ได้อะไรแล้ว ยังต้องเสียทองคำไปก้อนหนึ่งด้วย หากนางเป็นคนซื่อๆ ทำเช่นนี้ก็คงไม่แปลก แต่จากการสืบคดีของพวกเราตลอดหลายวันมานี้ นอกจากชิงจือจะไม่โง่เขลา ยังเป็นคนที่คิดอ่านรอบคอบอย่างยิ่ง”

เขาหยุดชะงักไปชั่วอึดใจแล้วเปิดม้วนหนังสือบนโต๊ะ “วันที่เกิดเรื่องกับชิงจือพวกเราเคยเรียกคนในหอไปสอบถามทีละคน พอเอ่ยถึงชิงจือแต่ละคนใช้คำพูดไม่เหมือนกัน แต่มีบางเรื่องที่ส่วนใหญ่พูดไปในทางเดียวกัน

เรื่องแรก ถึงชิงจือจะทั้งเกียจคร้านและเห็นแก่กิน แต่มือเท้าคล่องแคล่วว่องไว งานใดที่ไม่อาจผลักความรับผิดชอบนางสามารถจัดการเสร็จเรียบร้อยได้อย่างรวดเร็ว ดูจากเรื่องนี้แล้วชิงจือไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา

เรื่องที่สอง เมื่อเร็วๆ นี้ดูเหมือนนางจะฟุ่มเฟือยขึ้นไม่น้อย ที่สำคัญเริ่มฟุ่มเฟือยมาตั้งแต่ก่อนแม่นางเก๋อจินจะเกิดเรื่องแล้ว เดือนก่อนไม่เพียงไม่ขโมยของไปร้านรับจำนำอีก ยังซื้อสุราอาหารมากินบ่อยๆ อีกด้วย…แต่ชิงจือไม่เคยคบหาสหายหน้าใหม่คนใด เงินก้อนนี้จึงมีที่มาไม่ชัดเจน

เรื่องที่สาม ชิงจือมักพูดว่าตนเองยังมีพี่สาวอีกคนหนึ่ง เพราะในอดีตถูกขายไปอยู่ในมือพ่อค้าทาสคนละคน จึงพลัดพรากจากกันไปนับแต่นั้น ชิงจืออยากรู้เบาะแสของพี่สาวผู้นี้มาก ปกติต้องบ่นถึงเรื่องนี้เป็นประจำ”

ว่อจีลูบไรผมที่หลุดลุ่ยออกมาพลางเอ่ยขัด “ซื่อจื่อเจ้าคะ ข้าน้อยพูดอยู่บ่อยๆ ว่าชิงจือความจำเลอะเลือน ประโยคนี้ไม่ได้ใส่ความนางเลย ชิงจือจะมีพี่สาวมาจากที่ใดได้กัน นางมีก็แต่น้องสาวที่ตายไปแล้ว ในปีนั้นตอนข้าน้อยซื้อชิงจือมาจากพ่อค้าทาสนางเพิ่งอายุเจ็ดขวบ ในสัญญาขายตัวเขียนเอาไว้ชัดเจนทุกคำ นางเป็นชาวสิงหยาง ถูกตัดสินว่ากระทำความผิดและมีรายชื่ออยู่ในบัญชีผู้ต้องโทษ ในครอบครัวมีน้องสาวผู้เดียว ตอนเกิดเรื่องน้องสาวนางป่วยตายไปพร้อมกับแม่นานแล้ว”

ลิ่นเฉิงโย่วกล่าว “ไม่ได้บอกเพียงว่าตนเองมีพี่สาวร่วมสายเลือดผู้หนึ่ง แต่ยังบอกว่าตนเองกับอนุภรรยาของเถ้าแก่ร้านผ้าคนก่อนเป็นคนบ้านเดียวกัน อนุภรรยาผู้นั้นแซ่หรง เป็นชาวเยวี่ยโจว จากสิงหยางไปถึงเยวี่ยโจวห่างไกลกันหาใช่เพียงพันหลี่”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

    By

    บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงขนสิ่งเหล่านี้กลับกอง...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่าดำออกจากหมู่บ้านมาก็...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ่า เงาดำสายหนึ่งพลัน...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.4-2.6

    By

    บทที่ 2-4 สามีภรรยาปลอม   6   บนหอทองล่วงเข้ากลางคืนแล้ว รอบด้านล้วนจุดโคมไฟ เปลวไฟลุกโชติช่วง ในมุมที่ซย่าชิงยวนนั่งอยู่นางสามารถมองเห็นสัน...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเร้น ภายใต้ผืนนภาราตร...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3

    By

    บทที่ 2-1 สามีภรรยาปลอม   1   เมื่อลู่หย่วนเดินมาถึงหน้าประตูก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ผลักประตูเปิดออก สิ่งที่ทำให้เขาสติหลุดล...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญู เบื้องหน้าท้องพระโ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com