ลิ่นเฉิงโย่วเอ่ยว่า “นี่เจ้าคงไม่รู้อะไร กระบี่เล่มนั้นถูกเก็บจนฝุ่นจับเป็นสิบปีไม่เคยมีใครหยิบมาใช้งาน ต่อให้บอกบ่าวไพร่ว่าเก็บซ่อนไว้ที่ใดพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเอามาอย่างไร กระบี่นิลเก้าสวรรค์เป็นสมบัติล้ำค่าของลัทธิเต๋า จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันไม่ได้เป็นอันขาด จึงต้องให้ข้าไปหยิบมาด้วยตนเองแล้ว ใช้เจ้าเป็นที่ลับคมกระบี่พอดี”
ปีศาจเฒ่าเคยครอบครองรูปลักษณ์ของฮูหยินอันกั๋วกงย่อมเก็บเกี่ยวความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาด้วย “ได้ยินผู้คนร่ำลือกันประจำว่าเฉิงอ๋องซื่อจื่อนิสัยดื้อรั้นหัวแข็ง ตั้งแต่เล็กมาก็ไม่เคยเห็นระเบียบกฎเกณฑ์ใดๆ อยู่ในสายตา หากเจ้ารู้ว่าหอเยวี่ยเติงเก็บกระบี่ล้ำค่า จะปล่อยให้มันถูกเก็บอยู่บนชั้นวางเฉยๆ ได้อย่างไร บอกว่ากระไรนะ ‘เก็บจนฝุ่นจับเป็นสิบปี’ เฮอะ ก็แค่อยากหาข้ออ้างแอบหนีไปเท่านั้น”
ในใจเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อเต็มไปด้วยความสงสัย คำพูดของปีศาจเฒ่าฟังดูมีเหตุผลอย่างไม่น่าเชื่อ
ตลอดสองสามปีที่พวกเขาอยู่ในอารามเคยได้ยินเรื่องวีรกรรมในวัยเยาว์ของศิษย์พี่มาไม่น้อย ศิษย์พี่ฟ้าไม่กลัวดินไม่เกรง มักก่อเรื่องยั่วโมโหคู่สามีภรรยาเฉิงอ๋องเป็นประจำ ในบรรดาบุตรหลานขุนนางผู้ใหญ่และชนชั้นสูงทั่วเมืองฉางอัน ก็มีศิษย์พี่นี่ล่ะถูกลงโทษบ่อยที่สุดแล้ว
เมื่อดูจากนิสัยดื้อรั้นถึงขีดสุดของศิษย์พี่ หากรู้ว่าสมบัติล้ำค่าของลัทธิเต๋าเก็บรักษาไว้ที่หอเยวี่ยเติงคงหาวิธีไปหยิบมาดูเล่นนานแล้ว
ลิ่นเฉิงโย่วกล่าวด้วยสีหน้าเป็นงานเป็นการ “ของวิเศษลัทธิเต๋าจะเบิกเนตร ก็ต้องอาศัยโอกาสและโชคชะตา กระบี่นิลเก้าสวรรค์ไม่เหมือนของวิเศษชิ้นอื่น ต้องใช้เลือดเนื้อของสิ่งชั่วร้ายมาเป็นตัวประสาน ถึงแม้ข้าจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องกระบี่เล่มนี้เพียงใด ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเปิดผนึกส่งเดช คืนนี้มาเจอสิ่งชั่วร้ายอย่างเจ้าพอดีตรงกับที่ใจข้าต้องการ ใช้เลือดจากการบำเพ็ญเพียรมานานปีของเจ้ามาหล่อเลี้ยงกระบี่ ก็ไม่เสียแรงที่กระบี่เล่มนั้นรออยู่ที่หอเยวี่ยเติงมาเป็นสิบปีแล้ว”
ปีศาจเฒ่ามีสีหน้าเย้ยหยันเต็มเปี่ยม “เหลวไหลสิ้นดี! หากมีกระบี่นิลเก้าสวรรค์ที่ว่านั่นจริง เหตุใดถึงไม่เก็บไว้บูชาในอารามชิงอวิ๋น มาเก็บอยู่ในหอเยวี่ยเติงที่ไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิเต๋าได้อย่างไร”
รอยยิ้มบนใบหน้าลิ่นเฉิงโย่วจางหายไปอย่างช้าๆ นางนึกว่าเปิดโปงคำโกหกของลิ่นเฉิงโย่วได้แล้วจึงส่งเสียงหัวเราะอย่างลำพอง
เจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อมองลิ่นเฉิงโย่วอย่างวิตกกังวล น้ำเสียงศิษย์พี่เริ่มแหบแห้ง ฝีเท้าก็เบาหวิวเหมือนคนไม่มีแรง ถึงมองผิวเผินยังทรงตัวได้โดยไม่สะทกสะท้าน ก็เป็นเพราะกำลังฝืนทนอยู่เท่านั้น
แต่ว่าศิษย์พี่วางแผนรอบคอบรัดกุมมาตลอด จะปล่อยให้ปีศาจเฒ่ามองเห็นพิรุธรวดเร็วปานนี้ได้อย่างไร
พวกเขาลอบสังเกตปีศาจเฒ่า เดิมทีนางมีรูปลักษณ์แก่ชราราวไม้ใกล้ฝั่ง เพียงช่วงเวลาสั้นๆ กลับมีเค้าลางว่าจะกลับมาเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้ง ผมสีขาวที่แต่เดิมบางหร็อมแหร็มเริ่มงอกจนปกคลุมศีรษะ ใบหน้าผอมแห้งแก้มตอบก็ค่อยๆ อวบอิ่มและมีน้ำมีนวลทีละนิด ถ้าหากฟังแค่เสียงหัวเราะใสกังวานของนางคงเข้าใจผิดนึกว่าเด็กสาวแรกรุ่นอายุสิบหกปี
พอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเห็นม่านเมฆฝนดำครึ้มแผ่ปกคลุม ดวงดาวคล้ายโดนอาบย้อมด้วยความมืดมิด ปรากฏการณ์บนฟ้าแปลกประหลาดโดยแท้ หากมิใช่เพราะจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ก็จะมีมารร้ายถือกำเนิด
หยาดเหงื่อเท่าเม็ดถั่วไหลย้อยลงจากหน้าผากของเด็กชายทั้งสอง รอให้ปีศาจเฒ่าตนนั้นดูดปราณพิฆาตมากพอ เกรงว่าทุกคนคงเอาชีวิตไม่รอดแน่
ประเดี๋ยวนะ เหตุใดฝีเท้าของศิษย์พี่ถึงแปลกพิกล ก้าวไปทางตะวันออกสาม แล้วถอยกลับไปทางตะวันตก เอ่ยปากบอกว่าจะไปแล้ว กลับยังรีรออยู่หน้าค่ายกล…
สมองอันชาญฉลาดของเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อเกิดลำแสงสีขาววาบผ่าน
นี่ศิษย์พี่จะ…
พวกเขาทั้งกังวลทั้งตื่นเต้น ได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน จดจ้องฝีเท้าของลิ่นเฉิงโย่วไม่วางตา
ลิ่นเฉิงโย่วเดินโซเซไปสองสามก้าวพลางลอบมองกลับไปอย่างแนบเนียน เห็นเจวี๋ยเซิ่งกับชี่จื้อพยักหน้ารับน้อยๆ เขาก็ฝืนทรงตัวให้มั่นคง รวบรวมลมปราณแล้วกระโดดถอยไปข้างหลัง ก่อนจะหยุดอยู่บนชายคาเรือนที่พัก
เขาเหยียบอยู่บนแผ่นกลมปลายกระเบื้องชายคา คลี่ยิ้มพร้อมยกมือไพล่หลังเดินไปข้างหน้า
“เสียแรงที่เจ้าบำเพ็ญเพียรมาร่วมร้อยปี มัวแต่ไปลงแรงกับรูปลักษณ์สินะ ไม่รู้จักฝึกสมองบ้างเลยหรือ หอเยวี่ยเติงเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงพระราชทานให้กับเหล่าบัณฑิตจิ้นซื่อ ทุกปีเมื่อถึงช่วงประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านไอพลังอันยิ่งใหญ่ของลัทธิข่งจื่อ จะทำให้ผืนฟ้าและแผ่นดินสะอาดสดใส
แม้กระบี่เล่มนี้จะเป็นสมบัติของลัทธิเต๋า แต่มีความดุร้ายกระหายเลือดโดยกำเนิด หากใช้วิธีการทั่วไปของลัทธิเต๋ามาควบคุมมันจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ในทางกลับกันคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาโดยปราชญ์บัณฑิตลัทธิข่งจื่ออาจช่วยชำระล้างกลิ่นอายดุร้ายได้ ท่านอาจารย์ของข้าก็เลยนำกระบี่นิลเก้าสวรรค์มาเก็บไว้ที่หอเยวี่ยเติง เพราะว่าที่นั่นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิข่งจื่อน่ะสิ”